นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการเสนอการข่าวของสื่อออนไลน์ จากนักวิจัยเขียนวิเคราะห์ เตือนกองทุนประกันสังคมจะมีปัญหาความยั่งยืนที่ชัดเจนภายใน 10 ปี หากไม่มีการดำเนินการนโยบายใดๆ โดยเฉพาะกองทุนชราภาพจะมีปัญหาที่สูงที่สุด และเสนอแนะทางแก้ไขเชิงนโยบายให้สำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานค่าจ้างสูงสุด ปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ รวมทั้งขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ซึ่งในเรื่องดังกล่าว สำนักงานประกันสังคม ได้เล็งเห็นสภาพปัญหาที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคต พร้อมทราบดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว และเป็นผู้ประเมินสถานะกองทุนร่วมกับงานวิจัยหลาย ๆ ฉบับที่ข่าวอ้างถึง โดยสำนักงานประกันสังคมมีนโยบายปฏิรูปตามข้อเสนอแนะของผู้เขียนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้ การดำเนินการจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและทำในช่วงสถานะการเศรษฐกิจที่เหมาะสม

อย่างไรก็ดี สำหรับความคืบหน้าในส่วนการแก้ไขกฎหมาย ได้แก่

1.สำหรับการปรับเพิ่มเพดานค่าจ้าง ในลำดับแรก สปส.ได้เสนอปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างเป็น 20,000 บาทเพิ่มทั้งความยั่งยืนของกองทุน และสิทธิประโยชน์เงินทดแทนกรณีต่าง ๆ ได้แก่ กรณีชราภาพ ว่างงาน คลอดบุตร เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ให้แก่ผู้ประกันตน ทั้งนี้ชะลอการดำเนินการไว้เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19

2.สำหรับการขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญขั้นต่ำ สปส.ได้เสนอให้ปรับแก้ พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับที่ 5 ขยายจาก 55 เป็น 60 ปี โดยผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว ซึ่งการดำเนินการจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ประกันปัจจุบันที่ใกล้เกษียณไม่ได้รับผลกระทบ

3.สำหรับกรณีปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบ สำนักงานยังไม่ได้เสนอปรับแก้ไขในพรบ.ประกันสังคมฉบับที่ 5 โดย สปส.เป็นนโยบายที่ควรดำเนินการในระดับประเทศ ผ่านคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ที่กำลังจะตั้งขึ้น เพื่อให้นโยบายการจัดเก็บเงินสมทบเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกันในภาพรวมประเทศ