เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอทราบเหตุผลในการวินิจฉัยและหรือบังคับใช้กฎหมาย ต่อกรณีการวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี อำเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่ามีลักษณะเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า สืบเนื่องจาก กกต.ได้มีมติเมื่อ 17 พ.ย.2564 และออกคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบต. ของอดีตนายก อบต.ตำบลหนองขาม จ.สุพรรณบุรี หลังจากมีผู้ร้องเรียน กกต.ว่ามีคุณสมบัติไม่เป็นไปตาม มาตรา 50(8) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กล่าวคือ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ อันเนื่องมาจากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วินิจฉัย ชี้มูลความผิดทางอาญา ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ร้องเรียนกับ กกต.ว่าอดีตนายก อบต.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เมื่อ 30 ต.ค.2562 มาแล้วเช่นกัน แต่เมื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบต.หนองหงส์ อีกครั้งในการเลือกตั้ง อบต.ที่ผ่านมา กกต.กลับไม่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบต. ของอดีตนายก อบต.ตำบลหนองหงส์ คนดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองพื้นที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเหมือนกัน จึงเป็นที่สงสัยว่า กกต. ใช้อำนาจในลักษณะเลือกปฏิบัติหรือไม่

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องต่อ กกต. เพื่อขอคำตอบและเหตุผลในการใช้อำนาจที่แตกต่างกันดังกล่าว ทั้งนี้หากคำตอบไม่เคลียร์ ก็อาจต้องนำความไปยื่นร้องต่อศาลอาญาทุจริต หรือหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจต่อไป.