เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร ซึ่งเป็นครอบครัวผู้เสียหายจากการทรมาน และคณะจากมูลนิธิประสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ผลักดันกฎหมายป้องกันปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากบุตรชายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี ควบคุมตัวไปทำร้ายร่างกาย ซ้อมทรมาน โดยใช้ถุงขยะสีดำคลุมหัว ทำให้ไม่ให้มีอากาศหายใจ เพราะต้องการให้บุตรชายยอมรับสารภาพว่าไปชิงทรัพย์ของผู้อื่นมา แต่เนื่องจากบุตรชายได้ใช้อุบายแกล้งยอมรับสารภาพแล้วนำเจ้าหน้าที่ที่ทำร้ายร่างกายออกไปหาของกลาง เมื่อพบเจอชาวบ้านจึงร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านทำให้รอดพ้นมาได้ ต่อมาบุตรชายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งยุติเรื่องจนกระทั่งครอบครัวต้องดำเนินการฟ้องต่อศาล

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กฎหมายฉบับนี้ควรเกิดขึ้นและบังคับใช้ได้จริง เพราะมันลำบากเข้าไม่ถึง ถ้าไม่มีกฎหมายเฉพาะมาใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งคดีที่ลูกของตนถูกถุงดำครอบหัว ไม่ต่างจากกรณีที่ จ.นครสวรรค์ และสุดท้ายคนร้ายแค่รอลงโทษทางอาญา ปรับ 8,000 บาท ส่วนกฎหมายเอาผิดได้แค่ถุงคลุมหัว ทำให้ไม่มีอากาศหายใจ จึงต้องการให้เห็นว่าการกระทำรุนแรงโหดร้ายย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นการกระทำที่โหดร้าย จึงฝากความหวังให้กับผู้ที่มีตำแหน่งและอำนาจที่จะขับเคลื่อนกฎหมายนี้ ที่ผ่านมาต่อสู้ถึง 12 ปี ไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ถึง 8 ปี จนต้องมาให้เอ็นจีโอช่วยเหลือและขอสื่อมวลชนช่วยเหลือด้วย

นพ.สุกิจ กล่าวว่า จะเร่งนำเรื่องนี้เสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ต่อไป ขณะที่นายรังสิมันต์ กล่าวว่าคณะ กมธ.จะดำเนินการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ให้แล้วเสร็จภายในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร สามัญประจำปีครั้งที่สอง ปีที่ 3 นี้ และขอให้กำลังใจกับครอบครัวที่เดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้.