ความปั่นป่วนน่ารำคาญในขณะนี้ คือ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มถี่ ๆ ในช่วงสมัยประชุมสภาที่เพิ่งเปิดต้นเดือน พ.ย.นี้ก็ปาเข้าไปสี่ครั้ง แล้วยังมีกรณีที่ถึงไม่ล่ม ดูองค์ประชุมแล้วไม่น่าจะครบ ประธานในที่ประชุม (โดยเฉพาะ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1) ช่วยชิงปิดก่อนไม่ให้ขายขี้หน้านัก
ต่างคนต่างโทษกันไปโทษกันมาว่าตัวไม่ผิด…ฝ่ายค้านก็ท่องคาถาว่า “รัฐบาลต่างหากมีหน้าที่รักษาองค์ประชุม” และฝ่ายค้านก็อ้างพูดกับวิปรัฐบาลแล้วว่า “บางเรื่องเราขอสงวนความเห็น” คืออะไรที่ไม่เห็นด้วยก็ขอไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุมแล้วกัน ก็เข้าใจว่า ถ้าเป็นความต้องการของรัฐบาลก็ให้เกณฑ์คนมาเข้าให้ถึงกึ่งหนึ่งขององค์ประชุมเอง
จะมองเป็นการเล่นการเมืองหรือไม่? แล้วแต่คนมอง ฝ่ายค้านก็ย้อนศรกันว่า ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็เล่นเกมเสนอนับองค์ประชุมบ่อย บางครั้งไม่พอใจอะไรก็วอล์กเอาต์ให้องค์ประชุมเดินหน้าไม่ได้หรือเป็นการฟ้องประชาชนว่าสิ่งที่รัฐบาลขณะนั้นทำคือการพวกมากลากไปแบบเผด็จการรัฐสภา
การไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมมีผลอย่างไร? ถ้าเข้าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ทำให้ประชุมล่ม แล้วการพิจารณากฎหมายอะไรก็จะล่าช้า กลายเป็นว่าไอ้ฉบับสำคัญ ๆ ที่จ่อเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณาก็โดนเลื่อนไปเรื่อย เผลอ ๆ โดนแทรก ผลงานด้านนิติบัญญัติของรัฐบาลไม่มี ฝ่ายบริหารไม่มีกฎหมายเป็นเครื่องมือ โหวตผ่านหรือคว่ำไปเลยดีกว่าถ่วง

ที่ผ่านมา ดูเหมือนประธานสภาส่งสัญญาณมาหลายครั้งทำนองว่า…เห็นนั่งกันอยู่ในห้องนะ แต่ไม่ยอมเสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุม ซึ่งเหตุผลที่ไม่แสดงตน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์สภาล่มวันวันที่ 17 ธ.ค. หากจะว่าเป็นเกมการเมืองก็ไม่เถียง แต่เราเล่นเกมแบบโปร่งใส
หากฝ่ายค้านไม่เข้มข้น ไม่ขันนอตเสียงรัฐบาล จะทำให้ประชาชนลำบากมากขึ้น ฝ่ายค้านจะให้บทเรียนรัฐบาลแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะปรับตัวเอง หรือจนกว่าจะยุบสภา เพราะไม่อยากเห็นสภาเป็นเป็ดง่อยที่ทำอะไรไม่ได้ เราไม่ได้กลั่นแกล้งแต่ต้องการประสิทธิภาพและความรับผิดชอบของเสียงข้างมาก (ให้เข้ามาเป็นองค์ประชุม)
แต่ก็มีฝ่ายเชียร์รัฐบาลด่าฝ่ายค้านเล่นการเมืองเกินเหตุ ทำงานไม่คุ้มเงินเดือน ทีแฟนคลับยังไปไล่บี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจนต้องออกมาขอโทษเรื่องที่ไม่ได้เข้าประชุมสภาอยู่ ก็เช่นเดียวกัน…พวกชอบท่องภาษีกู ๆ ๆ ก็ ไม่ควรจะรับได้ถ้าฝ่ายค้านเดินเกมประเภทไม่ได้ดังใจก็จะไม่ทำงาน ให้สภาเป็น “เป็ดง่อย” จนกว่าจะยุบสภา
แล้วก็กลายเป็นความเกลียด “ท่านผู้ทรงเกียรติ” ทั้งหลาย ว่าต้องเป็นกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองใช่หรือไม่? ถึงจะยอมไม่เล่นเกมการเมืองกัน เข้าไปโหวตกันคึกคักแบบตอนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ แบบนี้น่าสนใจว่าเพื่อไทยจะโหวตอย่างไรเรื่องกฎหมายแก้ลดหย่อนโทษที่ประชาธิปัตย์จะเสนอ

เห็น นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมายื่นเงื่อนไขอีก ทำนองว่า “ถ้าจะให้รักษาองค์ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมควรต้องมาตอบกระทู้เอง” ซึ่งแรงกดดันของฝ่ายค้านก็คงต้องการลากนายกฯ ออกมาแล้วทำให้มันเป็นเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจกลาย ๆ นั่นแหละ
สรุป ส.ส.สมัยนี้คงจะเป็นองค์ประชุมตามอารมณ์ตัวเองเท่านั้น!! บทจะป่วนก็ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมมีอะไรอ๊ะป่าว ก็ไอ้ที่สภามันล่มไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. มันแค่รับทราบรายงาน กมธ.เท่านั้นไม่ใช่กฎหมายที่ขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลเลยยังไม่เป็นองค์ประชุม ก็คงไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากว่า อยากให้คนมองเป็นผู้ทรงเกียรติ แต่ดูทำงานเข้า
ก็น่าสงสัยนะ ว่าประชาชน สภา จะมีอะไรมาดัดหลังคนไม่รู้หน้าที่ได้บ้าง.