สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านความมั่นคง ระหว่างรัสเซียกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าการที่นาโตยังคงเดินหน้าขยายอิทธิพลตามแนวรบฝั่งตะวันออก และไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาด้านขีปนาวุธอีกหลายฉบับที่มีร่วมกัน “คือต้นเหตุแท้จริง” ของสถานการณ์ตึงเครียดในเวลานี้


ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “ยังคงเคลิบเคลิ้ม” กับการเชื่อว่าตัวเอง “เป็นฝ่ายชนะสงครามเย็น” นำไปสู่การดำเนินนโยบายด้านความมั่นคง “ผิดที่ผิดทาง” อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่า สถานการณ์จะยุติด้วยดี เนื่องจาก “มีสัญญาณบวก” จากฝั่งตะวันตก ต่อ “เงื่อนไขหลักประกันความมั่นคง” ที่รัฐบาลมอสโกต้องการ


ทั้งนี้ ปูตินยืนยันว่า สิ่งที่เรียกร้องไปนั้น “ไม่ใช่เส้นตาย” สำหรับทั้งสหรัฐและนาโต แต่รัสเซีย “ไม่มีทางยอมถอย” ในการเผชิญหน้าเรื่องยูเครนกับรัฐบาลวอชิงตันและนาโต โดยพร้อม “ตอบโต้ตามความเหมาะสม” หากฝ่ายตะวันตกยังคงไม่ยับยั้ง “พฤติกรรมก้าวร้าว” และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่ายูเครน “คือหน้าบ้าน” ของรัสเซีย เมื่อมีความท้าทายมา “จ่อถึงหน้าประตู” เป็นไปไม่ได้เลยที่รัสเซีย “จะนั่งมองอย่างเดียว”

RT


ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า รัฐบาลเคียฟพร้อมเจรจากับรัฐบาลมอสโก “ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม” ทว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียบอกปัดเรื่องนี้แล้วหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่ยูเครนยังคงไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความต้องการของตัวเอง


ขณะที่นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า นาโตมีแผนพบหารือกับรัสเซียในเดือน ม.ค. ส่วนนางคาเรน ดอนฟรีด ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐด้านกิจการยุโรปและยูเรเชีย กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันพร้อมหารือกับรัฐบาลมอสโกผ่านสามช่องทาง คือ แบบทวิภาคี ผ่านคณะมนตรีนาโต-รัสเซีย ที่พบกันครั้งล่าสุด เมื่อปี 2562 และการหารือกันที่องค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี).

เครดิตภาพ : AP