สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้การต้อนรับและพบหารือกับนางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้นำจีนกล่าวในตอนหนึ่ง ว่าสถานการณ์ในฮ่องกง “ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น หลังตกอยู่ท่ามกลาง “ความวุ่นวาย” ตลอดปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน สีกล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ (เล็กโค) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นการทำให้ “ชาวฮ่องกงบางกลุ่มได้ตระหนักถึงการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ของความเป็นชาติจีน” และเน้นว่า การเลือกตั้งของฮ่องกงครั้งนี้ “เกิดขึ้นบนหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ อย่างแท้จริง” นัยว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงสหรัฐและพันธมิตร ซึ่งยังคงวิจารณ์สถานการณ์ในฮ่องกง นับตั้งแต่จีนบัญญัติกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อบังคับใช้กับฮ่องกงโดยเฉพาะ เมื่อกลางปีที่แล้ว
ขณะที่นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการที่สถิติผู้ออกมาใช้สิทธิซึ่งมีเพียง 30.2% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งสมาชิกเล็กโค เมื่อปี 2543 ว่าเกี่ยวข้องกับ “ปัจจัยหลายประการ” ซึ่งไม่ใช่เฉพาะความวิตกกังวลของประชาชน ที่ยังคงมีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังคงมีการพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต แต่ยังรวมถึง “กลไกการเคลื่อนไหวต่อต้านจีน” และ “ความพยายามขัดขวางของกองกำลังต่างชาติ”
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกเล็กโคครั้งนี้ “เป็นกระบวนการออกเสียงตามหลักประชาธิปไตย” ครั้งแรกของฮ่องกง ซึ่งเกิดขึ้นหลังสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ในกรุงปักกิ่ง มีมติเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา บัญญัติกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 1 และมาตรา 2 ของเบสิกลอว์ ซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง “เพื่อการปฏิรูปกลไกการเลือกตั้งของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง” โดยมีการเพิ่มจำนวนสมาชิกเล็กโคจาก 70 เป็น 90 ที่นั่ง
แต่สมาชิก 40 คน มาจากการสรรหาโดยคณะกรรมาธิการเลือกตั้ง 1,500 คน ส่วนที่เหลืออีก 30 ที่นั่ง มาจากกระบวนการคัดสรรพิเศษ หมายความว่าจะมีสมาชิกเล็กโคเพียง 20 คนเท่านั้น มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของชาวฮ่องกง และผลการเลือกตั้งเป็นไปตามความคาดหมายของทุกฝ่าย นั่นคือ ไม่มีนักการเมืองฝ่ายต่อต้านรัฐบาลปักกิ่งได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากหนึ่งในคุณสมบัติของผู้สมัคร “ต้องผ่านการปฏิญาณความซื่อสัตย์ต่อจีน”.
เครดิตภาพ : AP