เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเสนอความเห็น เรื่องปัญหา PM2.5 โดย ระบุว่า

หรือเราจะทน ให้ฝุ่นพิษทำร้ายอนาคตลูกหลานคน กทม.? หลายปีที่ผ่านมา ผมและทีมงานนักวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัย พยายามส่งสัญญาณอันตรายชัดๆ ว่า

1.ฝุ่นพิษ PM2.5 อันตรายจริง ตายจริง มีผลต่อการเติบโต และสติปัญญาของเด็ก และก่อให้เกิดโรคในผู้ใหญ่มากมาย เหลือเกิน ทั้งโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคทางสมอง

2. ฝุ่นพิษ PM2.5 อยู่กับคนกรุงเทพฯ ทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะช่วงฤดูหนาว อากาศเย็น ฝุ่นพิษอยู่ที่นี่ ตรงนี้ เพียงแต่ยกตัวขึ้นลงตามอุณหภูมิของอากาศ และความกดอากาศ ไม่ได้หายไปไหน

3. ฝุ่นพิษ PM2.5 จะกระจุกตัว อยู่ที่บริเวณ การจราจรหนาแน่น ติดขัด เช่น สี่แยกรถติด ป้ายรถเมล์สาธารณะ หน้าโรงเรียนลูกที่มีรถรับส่งเยอะ หน้าโรงพยาบาลที่พ่อแม่เราไปรอคิว

คำถาม คือ แล้วเราจะแก้ปัญหาอย่างไร?

ตอบ ลดฝุ่นพิษใน กทม. เราทำได้ ครับ

เมื่อเรารู้ชัด ยิ่งกว่าชัด ว่าฝุ่นพิษส่วนใหญ่เกิดจาก รถขนส่งขนาดใหญ่ ทั้งรถบรรทุกเก่าๆ รถเมล์ควันดำ และเครื่องจักรกลหนัก ที่ใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้า และตึกอาคาร ใน กทม.

เราก็ต้องจัดการที่ “ต้นตอ” จุดกำเนิดฝุ่น จริงไหม? ใช่ครับ เราทำได้ โดย

1. ประกาศสงครามกับรถควันดำ อย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยให้วิ่งได้ทุกวี่ทุกวัน แบบที่เห็น กรุงปักกิ่ง กรุงโซล ลอสแอนเจลิส ก็เคยเจอฝุ่นพิษหนักกว่า กทม. เขายังแก้ปัญหาได้ เพราะเขา “เอาจริง!!!” ปัจจุบัน ไม่ต้องใช้ตำรวจ ตามตรวจ ตามจับรถควันดำ สงสารเจ้าหน้าที่ สูดทุกวัน ตายก่อนเพื่อน เดี๋ยวนี้ กล้อง cctv ระดับความคมชัด 4K หาได้ทั่วไป สามารถตรวจจับรถปล่อยควันดำได้สบาย ถ่ายรูปป้ายทะเบียน แล้วส่งปรับถึงเจ้าของได้ทันที หากไม่ชำระ แล้วยังปล่อยควันดําซ้ำซาก ถึงขั้นถอนไปอนุญาตเดินรถ รับรอง เข็ด!!!!

2. ผมและทีมเคยทำแผนที่ฝุ่นพิษ รู้ไหมหนาแน่นบริเวณมีการก่อสร้างจริงๆ บางคนแย้งว่า งานก่อสร้างมีแต่ PM10 ซึ่งก็อันตรายมาก แต่ไม่จริง เพราะทุกโครงการก่อสร้าง ต้องอาศัยรถบรรทุกขนวัสดุก่อสร้าง และต้องใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ พวกนี้ตัวปล่อย PM2.5 เลยครับ กทม. มีกฎหมายดูแลความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ค่อยบังคับใช้เข้มข้น กทม. เป็นผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้าง และเพิกถอน ระงับได้ ดังนั้นหากพบว่าการก่อสร้างส่งผลกระทบต่อประชาชน ระงับได้เลย แบบนี้เจ้าของโครงการกลัวมาก จะต้องไปกำชับผู้รับเหมาให้รับผิดชอบมากขึ้น ฝุ่นพิษก็น้อยลง จริงไหม?

3. เพราะฝุ่นพิษ ขนาด PM10 PM2.5 หรือ PM1.0 น่ากลัวทั้งนั้น การก่อสร้างตึกอาคารทั่ว กทม. หลายโครงการห่อหุ้มมิดชิด ป้องกันฝุ่น ป้องกันของหล่นใส่เพื่อนบ้าน คนทำดี กทม. ต้องมีรางวัลให้ครับ ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้เลย!!! แบบนี้ คนแย่งกันทำดี ลดฝุ่นพิษแต่โครงการใด เห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบ อาจโดนระงับการก่อสร้าง และถูกปรับกทม. บังคับใช้กฎหมาย เท่าเทียม เข้มข้น เป็นธรรม เราทุกคนก็ปลอดภัย เราทำได้ ครับ

4. ไม่อยากบอกว่า คน กทม. ไม่กลัวฝุ่นพิษ ว่ากันไม่ได้ เพราะมันไม่ตายทันที มันตายผ่อนส่ง เราเจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยให้เขาไม่ดูแลตัวเองไม่ได้ หากเขาป่วย รัฐก็เป็นภาระของรัฐ ของครอบครัวดังนั้น กทม. ต้องแสดงค่าฝุ่นพิษ ความจริง ให้คนเห็นชัดๆ ปัจจุบันเครื่องวัดฝุ่น คนไทยทำได้เองแล้ว กทม.อำนวยความสะดวก ติดตั้งให้มากที่สุด ขนาดพื้นที่ กทม. 1,568.7 ตร.กม. ต้องมีเครื่องตรวจวัด ไม่น้อยกว่า 1,500 จุด ไม่งั้นไม่พอ! แล้วรายงาน ผ่านป้าย LED ทั่วกรุงเทพฯ เอกชนช่วยรายงานฝุ่น เป็นตัววิ่ง หรือหากเต็มจอ เมื่อฝุ่นเกินค่าอันตรายมาก เอกชนเจ้าของป้ายน่ารักแบบนี้ หากผมเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะลดค่าภาษีป้ายให้เลยครับ เพราะคุณห่วงคน กทม. คน กทม. เห็นป้ายแสดงเตือน ตัวเบ้อเริ่ม ก็ต้องกลัว หาผ้า หาหน้ากากกันฝุ่น มาปิดหน้า ป้องกันตัวเอง และลูกหลาน ปัจจุบัน ไม่มีการเตือน ก็เหมือน “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”

5. กทม. ต้องแจกหน้ากากป้องกัน PM2.5 เริ่มต้นจากเด็กนักเรียนก่อนเลย ตามด้วยผู้สูงอายุ เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง แจกตามพื้นที่ฝุ่นหนาแน่น เป็นสวัสดิการให้ประชาชน ผมจึงประกาศวิสัยทัศน์ “กรุงเทพต้องเป็นเมืองสวัสดิการ ที่ทันสมัย ต้นแบบของอาเซียน” เพราะการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ คือ เรื่องด่วน เป็นสวัสดิภาพประชาชน เราต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัยช่วยได้ ทำได้ เป็นต้นแบบของเมืองอื่น ผมมั่นใจ เปลี่ยนกรุงเทพให้อากาศสะอาดขึ้น เพื่อทุกคน #เราทำได้ ครับ