เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun ความรู้เรื่อง COVID-19 (ตอนที่1045) 21 ธ.ค.2564

น่าสนใจ!! ฉีดวัคซีน Sinovac กระตุ้นเข็มที่ 3 รองรับไวรัส Omicron ได้ 94% หลังจากที่ไวรัส Omicron ได้รับการประกาศโดยองค์การอนามัยโลกให้เป็นไวรัสน่ากังวล (VOC) เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2564

ขณะนี้ Omicron ระบาดไปแล้วเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนดี ซึ่งแตกต่างกับไวรัสเดลต้า ซึ่งใช้เวลานานถึงสามเดือน นอกจากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วแล้ว ยังมีข้อมูลทยอยออกมาในเบื้องต้นว่า ไวรัสดื้อแต่วัคซีนด้วย

ข้อมูลส่วนที่มาจากทางบริษัท Pfizer พบว่าการทดลองในห้องปฎิบัติการ วัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม รับมือ Omicron ได้น้อยลง 32 เท่าโดยมีระดับภูมิคุ้มกันเหลือ 33%

แต่เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้วทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น เป็นประมาณ 90% คือเท่ากับวัคซีน 2 เข็มที่เคยรับมือกับไวรัสสายพันธุ์หลักเดิม ในขณะเดียวกันก็มีรายงานการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงพบว่าในผู้รับวัคซีน Pfizer 2 เข็ม มีระดับภูมิคุ้มกันที่รับมือกับไวรัส Omicron ได้ 24%

และผู้ที่รับวัคซีน Sinovac 2 เข็ม ไม่มีระดับภูมิคุ้มกันที่รับมือกับไวรัส Omicron ล่าสุดมีรายงานการศึกษาเพิ่มเติมว่าผู้ฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม มีภูมิคุ้มกัน 35% คือ 7 รายใน 20 ราย ในขณะที่ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่จะรับมือ Omicron เพิ่มขึ้นเป็น 94% คือ 45 รายใน 48 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับฉีดวัคซีน Pfizer 3 เข็ม

จึงทำให้วัคซีนเชื้อตายของ Sinovac กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง ในสถานการณ์ที่มี Omicron ระบาด และวัคซีนรุ่นใหม่ที่จะผลิตเพื่อรองรับไวรัส Omicron ยังไม่เสร็จสิ้น

ขณะนี้วัคซีน Sinovac นอกจากจะฉีดในประเทศจีนนับ 1,000 ล้านโด๊สแล้ว ยังฉีดในอีก 44 ประเทศทั่วโลกกว่า 800 ล้านโด๊ส เป็นในเขตเอเชียแปซิฟิก 54% อเมริกาใต้ 28% ยุโรป 13% แอฟริกา 5%

ประเทศไทยจึงควรพิจารณาและติดตามการศึกษาอย่างใกล้ชิดต่อวัคซีนเชื้อตายคือ Sinovac และ Sinopharm รวมทั้งวัคซีน Viral vector คือ AstraZeneca และ JNJ วัคซีน mRNA คือ Pfizer และ Moderna ต่อไป

เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุด ในการรับมือไวรัส Omicron ต่อไป