เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยกรณีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ตำรวจจราจรพลิกคว่ำ บนทางด่วนขั้นที่ 2 ช่วงเหนือบริเวณบึงมักกะสัน มุ่งหน้าถนนพระราม 9 ผ่านระบบ Zoom ว่า ยืนยันว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น กทพ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และขอให้ความมั่นใจด้วยว่า กทพ. จะทำงานร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ และทุกวิถีทาง เพื่อหาความจริงว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้กำชับว่าให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และทำความจริงให้กระจ่างสิ้นสงสัยด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กทพ. ส่งข้อมูลจากกล้องวงจรปิดบนทางด่วน และจากกล้องหน้ารถของผู้ใช้ทาง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว คงใช้เวลาอีกสักระยะในการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง อย่างไรก็ตามสภาพทางด่วนบริเวณจุดเกิดเหตุนั้น ไม่ได้เป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ทั้งที่เป็นจุดที่เป็นทางโค้งกลับไปกลับมา ซึ่งจุดนี้ กทพ. ตระหนักดี จึงนำมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุด้วย แต่ยืนยันว่า กทพ. ได้ก่อสร้าง และให้บริการทางด่วนด้วยมาตรฐานสากล รวมทั้งมีหน่วยดูแลความปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตลอด 225 กิโลเมตร (กม.) ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทุกครั้งที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะรายงานอุบัติเหตุ และมีการวิเคราะห์สาเหตุกันตลอด เพื่อดูว่าอะไรที่เป็นจุดที่ไม่ปลอดภัย และมีการปรับปรุงแก้ไข ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก
ด้าน พ.ต.ท.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ รองผู้กำกับการ งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2 กองบังคับการตำรวจจราจร 2 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทั้งก่อนเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง และหลังเกิดเหตุครึ่งชั่วโมง รวมทั้งได้ข้อมูลรถว่ามีคันใดที่อาจจะเกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน ขอให้รอผลสรุปที่ชัดเจน ยังยืนยันไม่ได้ว่าเกิดจากการเฉี่ยวชนหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะทราบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากมีผู้กระทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับขี่จักรยานยนต์เอง ส่วนผลการชันสูตรศพนั้น คาดว่าจะใช้เวลา 1 สัปดาห์จึงจะทราบผล.