จากกรณี น.ส.อาลินดา ธนาทรัพย์วรกิจ อายุ 29 ปี แอบอ้างเป็นหมอโดยนำเอกสารของแพทย์ตัวจริงมาใช้เป็นหลักฐาน เพื่อเข้าสมัครเป็นแพทย์เสริมความงาม ที่คลินิก EST CUTE CLINIC (อิส คิวท์ คลินิก) สาขาห้วยขวาง ที่มี น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์และยูทูบเบอร์ชื่อดัง เป็นหุ้นส่วน กระทั่งแพทย์ตัวจริงต้องออกมาชี้แจ้งว่าถูกแอบอ้าง ขณะที่พิมรี่พายแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อาลินดา พร้อมประกาศรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับลูกค้าทุกคนที่รักษากับหมอปลอมรายนี้ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามรวบตัว น.ส.อาลินดา มาดำเนินคดีหลังหนีไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ สน.ห้วยขวาง น.ส.ส้ม (สงวนชื่อนามสกุลจริง) เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ดิลก อินนุรักษ์ รอง สว.(สอบสวน)​สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.อาลินดา ธนาทรัพย์วรกิจ อายุ 29 ปี หลังเข้ารับบริการจาก น.ส.อาลินดาที่คลินิกดังกล่าว แล้วเกิดความผิดปกติบนใบหน้า

น.ส.ส้ม กล่าวว่า ตนเชื่อถือในเครดิตของพิมรี่พายที่แจ้งว่ามีผู้เชี่ยวชาญดูแล จึงตัดสินใจซื้อแพ็กเกจเสริมความงามในราคา 3 หมื่นบาท แล้วไปใช้บริการเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับใต้ตา ร่องแก้ม ร้อยไหม และโบท็อกซ์หน้าผาก หางตา กราม โดย น.ส.อาลินดา หลังทำได้เพียง 1 วัน เริ่มมีอาการใบหน้าผิดรูป เจ็บกราม และมีอาการชาที่ปาก ตนจึงติดต่อกลับไปยังคลินิก ทางคลินิกได้ให้เข้าไปพบกับหมออีกคนที่เป็นหมอจริง แจ้งว่าเกิดจากฟิลเลอร์กดทับเส้นประสาทบนใบหน้า โดยทางคลินิกยังไม่ได้มีการดำเนินการรักษา ตนจึงไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์แจ้งว่า เป็นอาการของเส้นประสาทถูกกดทับด้วยฟิลเลอร์ ที่ไม่ใช่อาการข้างเคียงจากการฉีดแต่เกิดจากการฉีดผิดจุด และแม้จะฉีดสลายฟิลเลอร์ แต่อาการที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้สมบูรณ์

น.ส.ส้ม​ กล่าวต่อว่า ตอนที่เข้ารับบริการ ตนไม่เห็นกล่องสารที่หมอใช้ฉีดว่าเป็นยี่ห้ออะไร เห็นแค่จากตอนที่มีการไลฟ์สด ส่วนตัวรู้สึกเอะใจหมอที่ทำการเสริมความงามให้ตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากวิธีการฉีดไม่เหมือนที่เคยทำกับคลินิกอื่น ตนจึงจดชื่อของหมอคนดังกล่าวไว้ กระทั่ง ทราบภายหลังว่าเป็นหมอปลอม ก็ตกใจ มีอาการเครียดจนนอนไม่หลับ

“วันนี้ตนได้นำหลักฐานเป็นเอกสารใบรับรองแพทย์จากรพ.เอกชน มาแจ้งความกับตำรวจ และเตรียมจะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางคลินิกให้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจตามที่พิมรี่พายได้ออกมาพูดไว้ จนถึงขณะนี้ ตนเองยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากทางคลินิกหรือพิมรี่พายแต่อย่างใด” น.ส.ส้ม ระบุ

นอกจากนี้ น.ส.ส้ม ยังกล่าวด้วยว่า มีคนที่ตนรู้จักซื้อแพ็กเกจเสริมความงามจากคลินิกนี้พร้อมๆ กัน และได้เข้ารับการเสริมความงามจากหมอที่เป็นหมอจริง ก็พบว่ามีอาการผิดปกติ คือ หน้าไม่เท่ากัน และปากข้างหนึ่งยกไม่ขึ้น แต่ผู้เสียหายที่ทำกับหมอจริงจะมาแจ้งความด้วยหรือไม่ ตนยังไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีของ น.ส.ส้ม นับเป็นผู้เสียหายรายที่ 2 ที่เข้าแจ้งความกับ สน.ห้วยขวาง​ เพื่อดำเนินคดีกับหมอปลอมรายนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ มี น.ส.แก้ว (สงวนชื่อนามสกุลจริง)​ เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์กับหมอปลอมคนดังกล่า วแล้วบริเวณหางตาและคิ้วยกสูงผิดปกติ จึงไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด.