ในเดือน ม.ค. 65 จะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ถึง 3 จังหวัด โดย 2 จังหวัดแรก วันที่ 16 ม.ค. 65 คือ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ขอส่ง เพราะนายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ จะนำทีมงานทั้ง 3 เขต มาอยู่กับพรรค พปชร. โดยพรรคประชาธิปัตย์ส่งนายอิสรพงษ์ มากอำไพ เป็นผู้สมัครในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ส่ง  “โบ๊ต” นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ โดยมี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็น ผอ.การเลือกตั้ง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ส่ง “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล รองนายก อบจ.สงขลา ลงรักษาฐานที่มั่นภาคใต้ โดยมีสามี คือ “นายกชาย” นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้

ซึ่งถือเป็นสนามแรกที่จะวัดฝีมือและบารมีของทั้ง “สุชาติ–เดชอิศม์” ที่จะเป็นตัวสะท้อนความนิยมพรรคพลังประชารัฐ–ประชาธิปัตย์ และที่สำคัญเป็นการวัดกระแสของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคใต้ อย่าง จ.สงขลา

และล่าสุด เลือกตั้งซ่อม ..กทม.เขต 9 (หลักสี่–จตุจักร) จากกรณีของนายสิระ เจนจาคะ  ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7 : 2 ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลง จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีความผิดฐานฉ้อโกง และคาดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วัน โดยคาดว่าจะมีการกำหนดให้วันที่ 30 ม.ค. 65

หากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไป เมื่อ 24 มี.ค. 62 นายสิระได้ลงสมัครเป็น ส.ส.กทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ เขต 9 เขตหลักสี่ ได้ 33,321 คะแนน พลิกชนะ นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 30,564 คะแนน ห่างกัน 2,757 คะแนน ในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยประกาศส่ง “อ๊อบ” สุรชาติ อดีต ส.ส.กทม.กลับมาทวงบัลลังก์ ส.ส.คืน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่พลาด เตรียมส่งเจ้าของเขตเดิม “ผู้กองแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ก็เตรียมลงชิงเช็กเรตติ้งความนิยมคนเมืองหลวงเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ ดร.เสรี วงษ์มณฑา บรรณาธิการบริหารเพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ระบุว่า “คนกรุงเทพ น่าจะได้โอกาสในการสั่งสอนพรรค พปชร.ที่พวกเขามองว่าอหังการ ยโสอวดดี ไม่พอใจตั้งแต่การวางยุทธศาสตร์รวมหัวกันไล่ 4 กุมาร รวมไปถึงการมองคนที่มีตำแหน่งต่าง ๆ หลังการเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่คนกรุงเทพไม่ปลื้มไปจนถึงรู้สึกรังเกียจ และความขัดแย้งระหว่างนายกฯ กับคนมีตำแหน่งสำคัญในพรรค ที่งัดข้อกับนายกฯ โดยไม่เคยคิดที่จะมีการขอขมา คอยดูว่าคนกรุงเทพจะสั่งสอน พปชร.อย่างไร และถ้าพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อมใน กทม. ครั้งนี้ อย่าเอาไปโยงว่าคนกรุงเทพไม่เอาลุงตู่ก็แล้วกันนะ”

ถือเป็นการมองแบบตรง ๆ จากกูรูด้านการสื่อสารที่ทำงานกับรัฐบาลด้วยกัน…และที่สำคัญสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.จะเป็นสงครามเรียกน้ำย่อยก่อนถึงศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีขึ้นกลางปี 65.