เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในภาพใหญ่พบเชื้อโอมิครอน 106 ประเทศ แต่ตัวเลขจริงอาจเยอะกว่านี้เนื่องจากบางประเทศอาจไม่ได้ตรวจหาสายพันธุ์ ส่วนในสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อเกือบครบทุกรัฐ ขณะที่ ฮ่องกง ทำแล็บด้วยการเอาเชื้อโอมิครอนใส่เข้าไปในทางเดินหายใจ หรือหลอดลมพบว่าเชื้อโอมิครอนมีการแพร่ขยายเร็วมาก และเร็วกว่าเชื้อเดลตา ประมาณ 70 เท่า แต่พอไปลงไปถึงปอด ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายแก่ชีวิตนั้น กลับพบว่าไม่ค่อยทำลายเนื้อปอดมากเท่ากับเชื้อเดลตา

ส่วนสถานการณ์ประเทศไทย พบติดเชื้อโอมิครอน 205 ราย เป็นการติดเชื้อประมาณ 16%, กรุงเทพฯ อยู่ที่ 40%, ภูมิภาค 8% แบ่งเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 180 ราย, คนไทยที่ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ 25 ราย เป็นการติดเชื้อที่มีความสัมพันธ์กับผู้เดินทางมาจากผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศในจำนวนนี้มีคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุดคือสองสามีภรรยาที่กาฬสินธุ์ ขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้อเพิ่ม 20 ราย รวมสองสามีภรรยา เป็น 22 ราย ในจำนวนนี้มี 5 รายที่ตัวอย่างไม่สมบูรณ์อยู่ระหว่างตรวจใหม่ ส่วนคลัตเตอร์อื่นอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคคือคลัสเตอร์ 3 ราย จากผู้แสวงบุญ มีแม่บ้านในโรงแรมแห่งหนึ่งจำนวน 1 ราย และอีก 1 ราย คือภรรยาของนักบินที่ได้มีการรายงานไปก่อนหน้านี้

“จากเดิมที่เรารายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบโอมิครอน 1 ใน 4 ของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ขณะนี้พบได้ 53% ในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเริ่มพบคนที่อยู่ภายในประเทศจำนวนหนึ่งประมาณ 3.8% จะเห็นว่าภาพรวมในทุกกลุ่มกราฟชันขึ้น นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาเดียวกันมีการติดเชื้อค่อนข้างเร็ว ซึ่งเป็นหลักการของโรคติดต่ออยู่แล้วว่าจะมีการแพร่กระจายได้เร็วขึ้นในระยะเวลาถัดไป” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวและย้ำจากหลักฐานเชิงประจักษ์เชื้อโอมิครอนไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่ จึงไม่น่าจะต้องวิตกกังวลมากนัก แต่ขอให้ช่วยมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ.