เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวรอบตัวที่โลกออนไลน์กระหน่ำแชร์อยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากที่แฟนเพจ @ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ได้ออกมาโพสต์เตือนระบุว่า “ระวัง นิสัยการเขี่ยเมือกในตา ทำบ่อยๆไม่ดี” คุณเคยมีนิสัยแบบนี้หรือเปล่า รู้สึกระคายๆ ที่ตา จากนั้นไปส่องกระจก จากนั้นเห็นว่าในตามีขี้ตาวุ้นๆอยู่ คุณก็เลยค่อยๆ เอานิ้วไปแตะที่ขี้ตาวุ้นๆ จากนั้นก็ถอนนิ้วออกมาช้าๆ ขี้ตาก็ยืดออกมาเรื่อยๆ …​ พอยืดออกมายาวพอก็จับ จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงสาวออกมาเรื่อยๆ … แล้วก็รู้สึกได้ว่า เอ๊ะ มันโล่งตาขึ้นแฮะ วันหลังทำอีกดีกว่า

ถ้าคุณเคยทำแบบนั้น อาจจะต้องเลิกทำ ก่อนที่จะวนเข้าสู่วังวนของ Mucus Fishing syndrome
1.ตาของคนเราจะมีต่อมผลิตเยื่อเมือกไว้คอยจับสิ่งสกปรก พอมีฝุ่นเข้าตา มีอาการเคืองตา เจอสารก่อภูมิแพ้ หรือแม้แต่ขนตาร่วงเข้าไป เมือกขี้ตาก็จะผลิตออกมาเยอะขึ้น
2.ทีนี้โดยตัวมันเองเวลาจับสิ่งสกปรก มันก็จะไปรวมๆ กันทำให้เรารู้สึกว่า ‘มีอะไรอยู่ในตา’ ซึ่งถ้าเราไม่ทำอะไร กะพริบตาไปเรื่อยๆ มันจะค่อยๆ ฟอร์มตัวรอบๆ วงตาขาวแล้วเทเข้าไปที่หัวตา กลายเป็นขี้ตาที่หัวตา

3.ทีนี้ การเอานิ้วไปเขี่ยออก มันทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น เพราะเหมือนกับเอาสิ่งแปลกปลอมออก … แต่มันคือการเอาสิ่งแปลกปลอม ที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกออกไป … ผลก็คือ เมือกที่เอาไว้ทำความสะอาดตาเจอเอาออก เชื้อโรค ฝุ่นผง ก็เลยสบายไม่มีอะไรมาจับ
4.เวลาเราเอานิ้วเขี่ยออก ต่อมเมือกที่ตาก็จะประมาณว่า “เฮ้ย ผลิตมาดักฝุ่นตั้งเยอะ หายไปไหน… แล้วทำไมมีเชื้อโรคใหม่มาลง มีของอะไรไม่รู้แข็งๆมาชนตา งั้นผลิตออกมาเพิ่มดีกว่า” ผลก็คือ ยิ่งเขี่ยออก ร่างกายยิ่งสร้างเพิ่ม
5.ผลก็คือ จะถึงจุดที่พอไม่เขี่ยแล้วจะมีขี้ตาเยอะ, หรือไม่ก็เกิดการอักเสบ ตาแห้ง ติดเชื้อ

“ดังนั้น ถ้าเห็นขี้ตาเล็กๆ ติดอยู่ข้างในตา ไม่ต้องไปเขี่ยออกครับ การทำบ่อยๆ จะนำไปสู่ภาวะ Mucus fishing syndrome ยิ่งทำให้ขี้ตาเยอะขึ้น”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว