สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 บุคคลสัญชาติสวิสซึ่งมีอายุตั้งแต่ 16 ปี และไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองหรือผู้อุปถัมภ์ตามกฎหมาย สามารถเปลี่ยนชื่อและการระบุเพศในทางกฎหมาย หรือคำนำหน้าชื่อได้เอง ที่สำนักทะเบียนซึ่งอยู่ในภูมิลำเนาของตัวเอง ตามการแก้ไขเพิ่มเติมในประมวลกฎหมายแพ่ง เพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร สำหรับผู้มีอายุน้อยกว่านั้น หรือยังอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง ต้องได้รับการยินยอมอย่างเป็นทางการก่อน


อย่างไรก็ตาม บางรัฐอาจกำหนดเงื่อนไขให้บุคคลนั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ หรือผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนก่อน จึงขอให้ประชาชนศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน เช่นเดียวกัน สำหรับการเปลี่ยนชื่อในบางกรณี เจ้าหน้าที่อาจขอหลักฐานยืนยัน ว่าชื่อที่ต้องการเปลี่ยนนั้นได้มีการ “ใช้อย่างไม่เป็นทางการ” มานานภายในระยะเวลาหนึ่ง หมายถึง บุคคลนั้นใช้ชื่อดังกล่าวแทนตัวเองและเป็นที่รับทราบของสังคมนานระยะหนึ่งแล้ว


ทั้งนี้ ผลการลงประชามติของชาวสวิส เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า 64% สนับสนุน “ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม” คือการรับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน ให้มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อเปิดทางให้มีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมได้ โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ก.ค. 2565 ซึ่งจะทำให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ 30 ของโลก ที่มีกฎหมายรองรับการสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน แต่เป็นประเทศกลุ่มท้ายของทวีปยุโรป


อนึ่ง เนเธอร์แลนด์เป็นทั้งประเทศแรกของโลกและของยุโรป ซึ่งรับรองการสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน ให้มีผลผูกพันทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2544.

เครดิตภาพ : AP