เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 สรุปภาพรวม ต้ังแต่วันที่ 26 ธ.ค.คนไทยได้รับวัคซีน 102 ล้านโด๊ส เป็นเข็ม 1 คิดเป็น 70% เข็ม 2 คิดเป็น 63.1%และเข็ม 3 8.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้กำลังทยอยฉีดวัคซีน Booster dose เข็ม 3 เพิ่มมากขึ้น ส่วนบุคลากรทางการแพทย์เมื่อได้รับเข็ม 3 แล้วอาจจะได้รับเข็มที่ 4 ต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้เรามีภูมิคุ้มกันตามความเสี่ยง

สำหรับสถานการณ์ โควิค-19 ทั่วโลกขณะนี้มีการติดเชื้อเกือบ 280 ล้านคน สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้คือโอมิครอน เข้าสู่ช่วงการระบาดระลอกที่ 4 ใหญ่ๆ ซึ่งกราฟกำลังไต่ขึ้น เกิดจากเชื้อโอมิครอนแต่อัตราผู้เสียชีวิตไม่ได้กระดกขึ้นไปตามการติดเชื้อที่มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าการระบาดของเชื้อโอมิครอน ไม่ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น อาการส่วนใหญ่ไม่ค่อยรุนแรง ปัจจุบันมีประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโอมิครอน 106 ประเทศ เฉพาะสหรัฐอเมริการะบาด 47 รัฐ

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. เป็นต้นมา สามารถคัดกรองตรวจพบในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทั้ง 3 ระบบคือ Test and go ระบบ แซนด์บ็อกซ์ และระบบควอรันทีน พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน สะสม 514 ราย บุคคลเหล่านี้ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม มีบางส่วนที่เล็ดลอดออกไปเยี่ยมญาติ อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้เช่นกันจึงขอให้ระมัดระวัง

“สำหรับอาการผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนพบ 90% มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ อีก 10% มีอาการเล็กน้อย ส่วนคนมีอาการมากประมาณ 3-4% สำหรับข้อมูลในประเทศไทยที่ได้จากการดูแลผู้ติดเชื้อโอมิครอน 41 ราย พบว่ามีอาการไอ 54% รองลงมาคือเจ็บคอ 37% ไข้ 29% ปวดกล้ามเนื้อ 15% มีน้ำมูก 12% ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% ได้กลิ่นลดลง 2% ทั้งนี้ทุกรายได้รับการดูแลตั้งแต่เบื้องต้น ให้ยาฟาวิพิราเวียร์พบว่าอาการจะดีขึ้นในรอบ 24-72 ชั่วโมงหลังรับยา และให้ยาจนครบ 5 วัน ตามเกณฑ์เดิมก็สามารถฟื้นกลับมาปกติได้” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว