สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ว่าจากกรณีศาลฎีกาของรัสเซียมีคำพิพากษา เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพิกถอนสถานะทางกฎหมายของ “เมโมเรียล” ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดัง มีสำนักงานมากกว่า 50 แห่งทั้งในรัสเซียและต่างประเทศ เนื่องจากเพิกเฉยต่อการรายงานตัว และขึ้นทะเบียนเป็น “ตัวแทนต่างชาติ” ที่เป็นการยืนยันตัวตน ว่ารับความสนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศ และ “การบิดเบือนประวัติศาสตร์ของสหภาพโซเวียต” ด้วยการสนับสนุน “อาชญากรนาซี” นั้น


นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศของสหรัฐ ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ว่า “การกดขี่ข่มเหง” ที่เกิดขึ้นกับเมโมเรียล ถือเป็น “การดูหมิ่นและเหยียดหยาม” ภารกิจขององค์กร และรากฐานด้านสิทธิมนุษยชนทั้งมวล ชาวรัสเซียโดยเฉพาะผู้ที่ผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดจากยุคสหภาพโซเวียต “สมควรได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้”


ขณะเดียวกัน คำสั่งของศาลรัสเซียในการปิดเมโมเรียลยังเป็นผลจากการที่ “องค์กรภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และการเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปไตยในรัสเซีย มีพื้นที่แสดงความเห็นลดลงอย่างรวดเร็ว ในรอบหลายปีที่ผ่านมา” ด้านเยอรมนีและฝรั่งเศสออกมาวิจารณ์อย่างหนัก ในทางเดียวกับสหรัฐเช่นกัน


ขณะที่ทำเนียบเครมลินยังไม่ตอบสนองอย่างเป็นทางการ ต่อการประณามของสหรัฐและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลเกิดขึ้นภายในเวลาไม่นานนัก หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวว่า เมโมเรียล “คือองค์กรหัวรุนแรงและก่อการร้าย”


ทั้งนี้ เมโมเรียลดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งถือเป็นยุคปลายของสหภาพโซเวียต โดยหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง คือนายอังเดร ซาคารอฟ นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ นักเคลื่อนไหว และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2518.

เครดิตภาพ : AP