สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ว่า สำนักงานคณะผู้แทนถาวรอิหร่านประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ส่งหนังสือถึงสมัชชาสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ ขอให้มีการ “ดำเนินการอย่างเป็นทางการ” กับสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ลอบสังหาร พล.ต.กัสเซ็ม สุไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังนักรบพิเศษ “คุดส์” แห่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563


ทั้งนี้ อิหร่านเรียกร้องยูเอ็นจีเอ “ใช้อำนาจที่มีอยู่ภายในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ” ซึ่งรวมถึงการออกมติประณามรัฐบาลวอชิงตัน และการป้อมปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจาก “เป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว” ที่สหรัฐ “ใช้อำนาจอย่างเกินขอบเขตตามอำเภอใจ” ทั้งที่หลายต่อหลายเรื่องเป็นการละเมิดกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศมากมาย


สำหรับเหตุการณ์ลอบสังหาร พล.ต.สุไลมานี เกิดขึ้นใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติแบกแดด ในเขตชานกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก โดยกองทัพสหรัฐเป็นผู้ยิงโดรนติดอาวุธโจมตีรถยนต์ซึ่งกำลังแล่นอยู่บนถนนใกล้กับสนามบิน ที่มีการ “ชี้เป้า” แล้วว่า พล.ต.สุไลมานี เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร


หลังเกิดเหตุ ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า พล.ต.สุไลมานี “คือภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง” และปฏิบัติการครั้งนี้ “มีผลพลอยได้” คือ การเสียชีวิตของนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้บัญชาการกองกำลังเคลื่อนไหวประชาชน หรือ “ฮัชด์” ซึ่งเป็นเครือข่ายกองกำลังนักรบชีอะห์ในอิรักที่ฝักใฝ่อิหร่าน


แม้รัฐบาลวอชิงตันยืนยันจนถึงปัจจุบัน ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า สหรัฐไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน และไม่คิดโค่นอำนาจ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของ พล.ต.สุไลมานี เกือบทำให้สหรัฐและอิหร่านต้องทำสงครามกัน.

เครดิตภาพ : AP