สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายของการประนีประนอมและสร้างสันติภาพกับเกาหลีเหนือ “ยังอีกยาวไกล” แม้ตอนนี้เขาเหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีกไม่ถึงครึ่งปี เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค.นี้ และเขาไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก ด้วยข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ แต่จะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีใต้ขึ้นเวทีกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ครั้งที่ 76 ณ นครนิวยอร์ก เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว เรียกร้อง “การปลอดนิวเคลียร์ร่วมกัน” บนคาบสมุทรเกาหลี และ “การสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ผ่านการเจรจาร่วมกันระหว่างสองเกาหลีเป็นหลัก โดยมุนกับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พบหารือกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทั้งในเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ระหว่างปี 2561-2562


ขณะเดียวกัน มุนกล่าวถึงการเจรจาแบบไตรภาคี ประกอบด้วย สหรัฐ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ หรือการเจรจาแบบจตุภาคี ประกอบด้วย สหรัฐ จีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ เพื่อร่วมกันประกาศ “การยุติอย่างเป็นทางการ” ของสงครามเกาหลี ระหว่างปี 2493-2496 ซึ่งเป็นการสงบศึกด้วย “ข้อตกลงหยุดยิง” ไม่ใช่ “สนธิสัญญาสันติภาพ” ทำให้ในทางทฤษฎียังถือว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มีสถานะเป็น “ประเทศคู่สงครามต่อกัน”


อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือยังแทบไม่มีทีท่าตอบรับต่อข้อเสนอดังกล่าว ด้านสหรัฐสนับสนุนแนวคิดของผู้นำเกาหลีใต้คนปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มว่า อาจไม่เห็นด้วยกับกรอบระยะเวลาในการจัดทำข้อตกลง


ถ้อยแถลงของผู้นำเกาหลีใต้ เกิดขึ้นหลังคิมกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางของพรรคคนงาน เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ว่าสถานการณ์ด้านความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี “ยังไม่แน่นอน” เกาหลีเหนือจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของตัวเองให้พร้อมมากกว่านี้ โดยไม่กล่าวถึงเกาหลีใต้และสหรัฐอย่างเจาะจง แต่ใช้คำว่า “กิจการภายนอก” เป็นเรื่องที่เกาหลีเหนือต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้วย.

เครดิตภาพ : AP