สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้าหลังเหตุการณ์ที่บุคคลหนึ่งลักลอบข้ามพรมแดนจากเกาหลีใต้ไปยังเกาหลีเหนือ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ 1 ม.ค. นั้น กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันจันทร์ว่า ผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิดอย่างละเอียด พบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี คลานผ่านรั้วลวดหนาม บริเวณด้านตะวันออกของเขตปลอดทหาร ( ดีเอ็มซี )


เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวเป็นคนเดียวกับที่เคยใช้เส้นทางเดียวกันนี้ ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือมายังเกาหลีใต้ เมื่อเดือน พ.ย. 2563 ซึ่งจนถึงขณะนี้ ฝ่ายความมั่นคงยังไม่พบเบาะแสว่า ชายผู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการจารกรรมข้อมูลของรัฐบาลเปียงยาง โดยหลังผ่านการสอบสวนอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของรัฐบาลโซล ชายชาวเกาหลีเหนือรายนี้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบอาชีพ และทำงานเป็นพนักงานรักษาความสะอาดให้กับสถานที่แห่งหนึ่ง จนกระทั่งขาดการติดต่อกับบุคคลใกล้ชิด ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำการอยู่ในบริเวณนั้น พยายามติดตามจับกุมชายคนดังกล่าวแต่ไม่สำเร็จ ส่งผลให้สามารถข้ามแดนไปได้ หลังจากนั้น กองทัพเกาหลีใต้ติดต่อผ่านโทรศัพท์สายด่วนทางทหารไปยังกรุงเปียงยางอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น และได้รับคำตอบกลับมาเพียงว่า “รับทราบ” โดยไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะของชายผู้นี้


แม้การแปรพักตร์หรือการลี้ภัยของชาวเกาหลีเหนือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะ แต่การหลบหนีข้ามเขตปลอดทหารเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยากมาก เนื่องจากเส้นทางที่ผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่เลือกใช้ จะเป็นการเดินทางผ่านจีน แล้วลงใต้มาทางกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเหตุนี้ หลายฝ่ายจึงออกมาวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพเกาหลีใต้อย่างหนัก โดยเฉพาะกองพลที่ 22 ซึ่งรับผิดชอบบริเวณที่เกิดเหตุ.

เครดิตภาพ : AP