สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 2 ปี กองทัพสหรัฐลอบสังหาร พล.ต.กัสเซ็ม สุไลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังนักรบพิเศษ “คุดส์” ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 ว่า “ฆาตกร” ซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น และนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.การต่างประเทศ ต้องเข้าสู่กระบวนการ “ตามกฎหมายของอิหร่าน” เท่านั้น
Iran's president said Trump must be punished with death for the 2020 killing of top Iranian general Qassem Soleimani https://t.co/RwPwB9eqHC pic.twitter.com/wKCTunSb6u
— Bloomberg Quicktake (@Quicktake) January 3, 2022
ทั้งนี้ กฎหมายของอิหร่านเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมระบุว่า ผู้บงการและผู้ลงมือต้องรับโทษประหารชีวิตเท่านั้น หากไม่สามารถประนีประนอมและตกลงเรื่อง “ค่าชดเชย” กับครอบครัวของผู้สูญเสียได้
ด้านสำนักงานอัยการสูงสุดของอิหร่านกล่าวถึงการประสานงานกับหน่วยงานรัฐของอย่างน้อย 9 ประเทศ เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยซึ่งมีการยืนยันตัวตนได้แล้ว 127 คน ในจำนวนนี้ 74 คน เป็นผู้ถือสัญชาติสหรัฐ โดยมีชื่อของทรัมป์ “เป็นหมายเลขหนึ่ง” ซึ่งผู้นำอิหร่านกล่าวด้วยว่า หากไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับอดีตผู้นำสหรัฐได้ รัฐบาลเตหะราน “จะล้างแค้น” แต่ปฏิเสธขยายความ ขณะที่รัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับท่าทีของอิหร่าน
สำหรับเหตุการณ์ลอบสังหาร พล.ต.สุไลมานี เกิดขึ้นใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติแบกแดด ในเขตชานกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก โดยกองทัพสหรัฐเป็นผู้ยิงโดรนติดอาวุธโจมตีรถยนต์ซึ่งกำลังแล่นอยู่บนถนนใกล้กับสนามบิน ที่มีการ “ชี้เป้า” แล้วว่า พล.ต.สุไลมานี เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร
A statement from President @realDonaldTrump: pic.twitter.com/Jfy4GCLdif
— The White House 45 Archived (@WhiteHouse45) January 3, 2020
หลังเกิดเหตุ ทรัมป์ กล่าวว่า พล.ต.สุไลมานี “คือภัยคุกคมต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง” และปฏิบัติการครั้งนี้ “มีผลพลอยได้” คือการเสียชีวิตของนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้บัญชาการกองกำลังเคลื่อนไหวประชาชน หรือ “ฮัชด์” ซึ่งเป็นเครือข่ายกองกำลังนักรบชีอะห์ในอิรักที่ฝักใฝ่อิหร่าน
ขณะที่สำนักงานคณะผู้แทนถาวรอิหร่านประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ส่งหนังสือถึงสมัชชาสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ ขอให้มีการ “ดำเนินการอย่างเป็นทางการ” กับสหรัฐในเรื่องนี้ ด้วยวิธีที่รวมถึงรวมถึงการออกมติประณามรัฐบาลวอชิงตัน และการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต.
เครดิตภาพ : REUTERS