เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการระบาดของโควิด-19 ในประเทศหลายคลัสเตอร์ ว่า ทั้งหมดมาจากการละเมิดมาตราการ ละเมิดกฎหมายที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขพยายามเน้นย้ำมาตลอด ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและผู้มาใช้บริการ อย่างที่เรียนว่าถ้าเรา ไม่มีจิตสำนึก ในภาวะโรคระบาดยังไม่ระมัดระวังตัว ยังรักความสนุกจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ทั้งนี้ในภาคส่วนอื่นไม่มีปัญหา เมื่อใช้ความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาปฏิบัติตามมาตรการ มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมก็ไม่ก่อปัญหาเพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะโรคนี้เป็นโรคที่ป้องกันได้แต่ไม่ทำกัน ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ถ้าใครป่วยก็รักษา ไม่รู้จะเอาผิดอย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจิตสำนึกต่อส่วนรวมถ้าไม่มีแล้วก็ถือว่าเราโชคไม่ดี

เมื่อถามว่าคลัสเตอร์ที่พบส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งปรับจากผับมาเป็นร้านอาหารทั้งนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า “ใช่เราอุตส่าห์เห็นใจ สถานบันเทิงต่างๆ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ซึ่งยังเปิดไม่ได้แต่เขามาขอเปิดเป็นร้านอาหารเพราะมีครัว มีบริกร สามารถปรับสภาพได้ เราอะลุ่มอล่วยให้ปรับเป็นร้านอาหาร แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขาไม่ทำ ตรงนี้คนที่อนุมัติต้องรับผิดชอบ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องลงไปดู พอมีคลัสเตอร์ที่ไหนหากไม่ได้เป็นร้านอาหารตามที่มาขออนุญาต ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะสิ่งที่เขาทำอย่างนี้ทำให้เดือดร้อนไปทั้งประเทศ หากในอนาคตมีรายอื่นมาขอปรับสภาพเป็นร้านอาหาร คนอนุมัติคงไม่กล้า พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามที่บอกว่าจะพิจารณาเปิดผับ 15 ม.ค. กรมควบคุมโรคบอกว่า ยังจะสามารถเปิดได้หรือไม่เพราะไม่มีการทำมาตรการ Covid Free Setting อย่ามาบอกว่าแค่ 1- 2 รายแล้วจะตัดสินใจนี่มันไม่ใช่ มันทั้งหมดเลย”

เมื่อถามย้ำถึงแนวโน้มที่จะผ่อนคลายสถานบันเทิง ผับ บาร์ วันที่ 16 ม.ค. นายอนุทิน กล่าวว่า “ต้องพิจารณากันให้หนักกว่านี้ เป็นผม ผมก็ไม่ให้เปิด แต่อำนาจสุดท้ายไม่ได้อยู่ที่ผม ได้แต่เสนอความเห็น”

เมื่อถามถึงฉากทัศน์ว่าหากไม่ได้รับความร่วมมืออาจพบผู้ติดเชื้อถึงวันละ 3 หมื่นราย หลังปีใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีกลุ่มเดียวที่ไม่ให้ความร่วมมือ แต่กิจกรรมเคานท์ดาวน์ ยังได้รับความร่วมมือจากประชาชน บางส่วนอยู่บ้าน ซึ่งช่วยได้เยอะมาก มีแต่กลุ่มที่ไม่มีความรับผิดชอบ ที่ทำให้เกิดปัญหาแทบทุกภาคแต่โชคดีที่รัฐบาลจัดวัคซีนให้ ถ้าไม่ได้รับคงแย่กว่านี้ ซึ่งขอย้ำเตือนว่า คนที่ยังไม่ได้รับ หรือรับไม่ครบ อาจเป็นคนที่แพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องรีบมารับวัคซีนส่วนมาตรการหลังจากนี้ยังเป็นไปตามสถานการณ์ เรากำลังมาดีๆ เทศกาลปีใหม่ควรทำสิ่งดี สิ่งเป็นมงคล แต่มีบางคนเลือกทำสิ่งที่ไม่เข้าท่า คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย.