เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือฤกษ์วันคล้ายวันเกิด ครบ 58 ปี ลงพื้นที่ครั้งแรกหลังจากพ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เพื่อช่วยนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยาในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) พรรค พปชร. หาเสียง พร้อมตักบาตรพระสงฆ์ 5 รูป เนื่องในวันคล้ายวันเกิดด้วย

โดยบรรยากาศที่ตลาดทุ่งสองห้อง มีบรรดาแฟนคลับมารอให้การต้อนรับพร้อมอวยพรวันเกิดให้กับนายสิระ นอกจากนี้ ยังนำเค้กวันเกิดมาให้นายสิระเป่ากลางตลาดเคหะทุ่งสองห้อง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

นายสิระ ยังถือโอกาสขอพรในวันเกิดให้ชาวหลักสี่ เลือกภรรยาของตนเอง เป็นผู้แทนเพื่อสานต่องานที่เคยทำไว้ และขอให้ผู้สมัครคนอื่นทำการเมืองอย่างสุจริต ไม่โจมตีไม่ใส่ร้าย โดยนายสิระ เชื่อว่า นางสรัลรัศมิ์ หรือ “มาดามหลี “ จะสามารถเข้าไปในสภาแบบแซ่บๆและเป็น “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ได้อย่างแน่นอน

ด้านนางสรัลรัศมิ์ กล่าวยืนยันว่า ตนทำงานอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงประชาชนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา อยู่เคียงข้างประชาชนทั้งยามทุกข์และยามสุข กลยุทธ์ของตนเองคือการที่ประชาชนสามารถพึ่งพาเราได้ตลอดเวลา เข้าถึงเราได้ง่าย ตอบสนองต่อการเรียกร้องของประชาชนอย่างรวดเร็ว

เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่ หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ประกาศต้องได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด เพราะคนอื่นเพิ่งเริ่มต้นหาเสียง แต่เราหาเสียงล่วงหน้ามา 3 ปีแล้วดังนั้นความได้เปรียบ อยู่ที่เราอยู่แล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่พบปะประชาชน พบว่า สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขปัญหาคือเรื่องปากท้องของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว และตนเองก็จะคอยเติมเต็มในสิ่งที่ประชาชนยังขาดอยู่

“ดิฉันพร้อมจะสานต่อสิ่งที่นายสิระ ทำไว้ได้ดีอยู่แล้ว อย่างงานในสภาก็จะเข้าไปทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาล” นางสรัลรัศมิ์ กล่าว

ขณะที่นายสิระ กล่าวว่า จากเดิมที่ตนเองเคยลงพื้นที่หลักสี่ครั้งแรกพบว่า บางพื้นที่ก็เป็นพื้นที่พักยาและมั่วสุม แต่ก็ได้ปราบปรามเรื่องยาเสพติดจนหมดแล้ว และได้พัฒนาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ส่วนคนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งและบอกว่า เคยเป็นอดีตส.ส.นั้น เวลาลงพื้นที่ก็ให้ดูว่า ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ส่วนความในใจที่อยากจะพูดนั้น นายสิระ กล่าวว่า ระยะเวลารัฐบาลและรัฐสภาเหลือปีกว่าๆ แต่ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ จึงขอเป็น ส.ส.เขต ยืนยันว่า พร้อมที่จะสะท้อนปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนเข้าสู่สภา ซึ่งนางสรัลรัศมิ์ก็ดูแลประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ ดังนั้นจึงถือว่าครบเครื่องและพร้อมทำงานทันทีโดยไม่ต้องมาศึกษาพื้นที่ ไม่ต้องศึกษาคน ทำงานต่อได้เลย

เมื่อถามว่า ในวันที่ 6 ม.ค. กกต.จะเปิดรับสมัครแล้วจะถือเคล็ดอะไรหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ก็คงไม่มีอะไร แต่ในวันที่ 6 ม.ค. เห็นว่าประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่ – จตุจักร จะพานางสรัลรัศมิ์เดินไปสมัคร ถือว่าเป็นหญิงแกร่ง หญิงกล้า หญิงที่ทำงานเป็น และมีคุณภาพ

เมื่อถามว่า หลังจากที่นายสิระ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ได้วางชีวิตทางการเมืองหลังจากนี้อย่างไร นายสิระ กล่าวว่า ก็สบายๆ ก่อนหน้านี้ตนเองก็ต่อสู้เรื่องความยุติธรรมของประชาชนมาโดยตลอด หลังจากนี้ ก็จะใช้ตู้ ปณ.9999 รับเรื่องร้องเรียนเพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป พร้อมรวบรวมทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้ให้กับทั้งคนหลักสี่และคนทั้งประเทศเหมือนเดิม

“ยอมรับว่า เคยลังเลว่า จะหยุดเรื่องบ้านเมืองเพื่อไปเที่ยวรอบโลกดีไหม แต่ว่า มาดามหลีบอกว่าเราทิ้งประชาชนไม่ได้ เวลาเกิดวิกฤติ แล้วประชาชนที่นึกถึงเราแล้วโทรฯหาเรา แต่เราทิ้งเขาไปจะเกิดอะไรขึ้น ที่เราเคยทุ่มเทไปมันจะเสียเปล่าไหม จึงขอทำงานต่อเพื่อประชาชนต่อไป” นายสิระ กล่าว

นายสิระ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พรรคก้าวไกลนำรูปของตัวเองไปตัดต่อในลักษณะล้อเรียนคู่กับภาพของนาย กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ของพรรคก้าวไกล พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ตามหาอาสาสมัครช่วยเพชร กรุณพล หาเสียง – จับโกงเลือกตั้งไม่จำกัดเพศ วัย ขอแค่ใจรักประชาธิปไตยก็พอ” ว่า ขอให้สู้กันแบบแมนๆ วันนี้มีนักการเมืองคนหนึ่งที่เคยต่อต้านเรื่องของการก้มกราบ มาตัดต่อภาพใส่ร้ายตน จึงให้ทีมกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมฟ้องดำเนินคดี พร้อมเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

“ผมจะให้ทนายไปฟ้องร้อง นี่คือคนรุ่นใหม่ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร และที่ต่อต้านเรื่องก้มกราบเรื่องไหว้สวย พอจะมาสมัคร ส.ส. ก็ไหว้สวยจริงๆ ก้มกราบได้จริงๆ การกระทำกับจิตสำนึกนั้นขัดแย้งกันหรือไม่ ขอให้ประชาชนดูว่า เป็นการเล่นละครหรือไม่ หรือเป็นความจริงใจกับประชาชน แต่ยืนยันว่า เราจะหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องห่วง เวลาลงพื้นที่ก็จะรู้ เพราะเรารู้จักทุกคน” นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่า จะส่งต่อหลวงพ่อป้อมให้กับภรรยาหรือไม่นั้น นายสิระ ได้ทำท่าทางควักเหรียญหลวงพ่อป้อมที่ห้อยคอพร้อมอุทานว่า “โอ้โหย” ทำให้ผู้สื่อถามย้ำว่า จะมีให้มาดามหลีด้วยหรือไม่ ซึ่งนางสรัลรัศมิ์ ก็ตอบผู้สื่อข่าวว่า “มีค่ะ …มี”

เมื่อถามว่า ตอนนี้หลวงพ่อป้อมยังขลังอยู่หรือไม่ นายสิระ ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการพิสูจน์แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญแทรกแซงไม่ได้ เพราะขนาดตนเองที่ต่อสู้ให้ทุกเรื่องก็ยังไม่รอด ใครถูกตัดสินอย่างไร ก็อย่าไปโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนการต่อสู้คดี เรื่องชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา นายสิระ กล่าวว่า กำลังคัดเรื่องของคำวินิจฉัยกลางว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วทีมทนายความก็จะจัดการให้ยืนยันว่า เรื่องคืนเงินและเรื่องไม่รับเงินเดือนนั้นตนเองเคยทำมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ส่วนเงินของสภาฯก็ต้องดูรายละเอียดก่อน.