เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเมื่อปี 64 ย่ำแย่มาก น่าจะขยายตัวต่ำไม่ถึง 1% และเศรษฐกิจในปี 65 ยังน่าห่วง เชื่อว่าไม่น่าจะขยายตัวได้ถึง 4% แบงก์ชาติเตือนว่า เศรษฐกิจจะขยายได้เพียง 3.4% เพราะจะเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่ไทยยังต้องปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดหนักลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยติดลบและหยุดนิ่งเป็นปีที่ 3 ติดกัน ทำให้รายได้ของประชาชนไม่เพิ่มแต่คนต้องกินต้องใช้ต้องดูแลครอบครัวและต้องจ่ายดอกเบี้ยใช้หนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งเกินรายได้ อีกทั้งเจอกับภาวะเงินเฟ้อ น้ำมันแพง สินค้าแพง และหมูแพง โดยเฉพาะเกษตรกรที่ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำมาตลอด 

นายเอกชัย กล่าวว่า กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม โม้ว่าจะแก้หนี้ครัวเรือนในปีนี้ที่หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงมากทะลุ 14.35 ล้านล้านบาท และจะมีสัดส่วนถึง 90-92% ของจีดีพีทั้งปี น่าจะเป็นแค่การขายฝันและทำไม่ได้จริง เพราะการแก้หนี้ต้องมาจากการหารายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ตลอด 7 ปีพล.อ.ประยุทธ์ พัฒนาประเทศได้ต่ำ จีดีพีขยายต่ำมาตลอด คนรวยอย่างเจ้าสัวก็รวยขึ้นอย่างมาก คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนจนจึงมีรายได้ติดลบ ดังนั้นปี 65 จะเป็นปีของความยิ่งเหลื่อมล้ำ เพราะคนจนจะจนลงไปอีกมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีทางแก้ได้ เพราะหารายได้ไม่เป็น แต่เจ้าสัวจะยิ่งรวยเพราะนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ 

นายเอกชัย กล่าวต่อว่า วิธีการที่จะแก้หนี้และลดความเหลื่อมล้ำได้ รัฐบาลที่ดีจะต้องมีนโยบายในการสร้างงานและเพิ่มรายได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เอาแต่โม้ไปวันๆ ตลอด 7 ปีไม่เคยทำสำเร็จ นโยบายคิดแค่จะแจกเงินไม่ได้ช่วยเพิ่มรายได้อย่างมั่นคง รายได้ไม่กระจายสู่มือประชาชนฐานราก และไม่ได้สร้างงาน มีแต่จะใช้แล้วหมดไป เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างเปล่าประโยชน์ แถมเพิ่มหนี้ให้ประเทศ โดยหนี้สาธารณะล่าสุดพุ่งถึง 9.62 ล้านล้านบาท และจะทะลุ 10 ล้านล้านบาท แต่ประเทศกลับไม่เจริญคนกลับมีรายได้ลด เพราะพล.อ.ประยุทธ์ บริหารไม่เป็น 

“ขอท้าว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ แก้หนี้ไม่ได้จริงอย่างที่โม้ ก็ควรให้พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาตนเองออกไปเลย ให้คนที่มีความสามารถมาทำหน้าที่ อย่าอยู่เพื่อถ่วงความเจริญให้กับประเทศอีก คิดถึงคนรุ่นหลังที่เขามีรายได้ต่ำลงภาระหนี้สินมากขึ้นเขาจะอยู่อย่างไรในอนาคต” นายเอกชัย กล่าว.