เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา โดยมีมติในประเด็นสำคัญว่า จะมีการประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ 10 ม.ค.นี้เฉพาะวาระที่จำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ คือ วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว และกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการแก้ไขและสงวนคำแปรญัตติไว้ 4 มาตรา โดยวุฒิสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 136 และขอขยายเวลาไปเป็นกรณีพิเศษแล้ว 30 วันแล้ว โดยจะครบกำหนดในวันที่ 13 ม.ค.นี้
“ถ้าไม่เสร็จ ตามรัฐธรรมนูญก็ถือว่าให้ร่าง พ.ร.บ. นั้น เป็นไปตามร่างที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาในชั้นวุฒิสภาก่อนหน้านั้นจะตกไป ไม่มีผล เสมือนว่าวุฒิสภาไม่ได้กลั่นกรองร่าง พ.ร.บ.ตามหน้าที่เลย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า การทำงานของวุฒิสภามีความแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎรตามสมควร ตรงที่มีระยะเวลาจำกัดกำกับไว้ตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่านมาจากสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมยังเสนอแนะประธานวุฒิสภาว่าในโอกาสต่อไปควรเร่งบรรจุระเบียบวาระร่างขัอบังคับการประชุมวุฒิสภาฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้จัดประชุมวุฒิสภาทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำมาเป็นปีที่ 2
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ในการประชุมวันที่ 7 ม.ค. นี้ก็จะมีการบรรจุระเบียบวาระการพิจารณาที่คาดว่าใช้เวลาสั้น ไม่ยืดเยื้อ แต่มีความจำเป็นต้องอาศัยมติที่ประชุมวุฒิสภา อาทิ การขอเสนอยกเว้นข้อบังคับไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการรัฐสภา (ก.ร.) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่คณะกรรมาธิการอาจไม่สามารถจัดประชุมในสถานที่ได้เนื่องจากสภาวะของโรคระบาดโควิด-19 เพราะตามข้อบังคับการประชุมที่ใช้อยู่ขณะนี้คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯยังไม่สามารถจัดประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
นายคำนูณ กล่าวว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้รายงานให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทราบแล้วว่าเป็นความจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องป้องกันโรคโควิด-19 ที่กลับมาระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง โดยจะวางมาตรการป้องกันให้เข้มข้นสูงสุด และพยายามใช้เวลาให้จำกัดที่สุดโดยมิให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ซึ่งประธานรัฐสภาเข้าใจ.