สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ว่า เจ้าหญิงบัสมาห์ บินท์ ซาอูด บิน อับดุลอาซิส อัล ซาอูด นักธุรกิจและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน วัย 57 ชันษา ที่หายตัวไปเมื่อเดือน มี.ค. 2562 พร้อมกับพระธิดาวัยผู้ใหญ่ เจ้าหญิงซูฮุด อัล ชารีฟ นั้น นายเฮนรี เอสตราแมนท์ ที่ปรึกษากฎหมายของเจ้าหญิงบัสมาห์ เผยเมื่อวันเสาร์ ว่า สตรีทั้งสองท่านได้รับอิสระแล้ว จากการถูกจำคุกโดยพลการ และทั้งสองเดินทางกลับพระตำหนักที่ประทับ ในเมืองเจดดาห์ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 เจ้าหญิงบัสมาห์และพระธิดามีสุขภาพแข็งแรง แต่ต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์ เธอมีท่าทีเนื่อยล้า แต่ก็มีกำลังใจดี และแสดงความดีใจ ที่ได้กลับมาพบหน้าพระโอรสหลายองค์ของเธอ

สำนักงานประชาสัมพันธ์ของทางการซาอุฯ ยังไม่ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน และรัฐบาลไม่เคยให้ความเห็น เกี่ยวกับคดีนี้

ปี 2563 เจ้าหญิงบัสมาห์เผย ผ่านช่องทางสื่อสังคมส่วนตัวว่า เธอถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำความมั่นคงสูงสุด อัล-ฮาอีร์ ชานกรุงริยาด นานกว่า 1 ปีแล้ว และเธอกำลังเจ็บป่วย

เจ้าหญิงบัสมาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหว ต่อต้านการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ต่อสตรีในซาอุดีอาระเบีย ถูกจับกุมขณะที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย เมื่อปลายเดือน ก.พ. 2562 และเธอได้รับแจ้งข้อหา ภายหลังถูกคุมขังแล้วว่า พยายามปลอมแปลงหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต แม้ต่อมาข้อหาถูกยกเลิก แต่เธอยังถูกคุมขังพร้อมกับพระธิดา

ในหนังสือคำร้อง ที่ส่งถึงองค์การสหประชาชาติ ลงวันที่ 5 มี.ค. 2563 โดยครอบครัวของเจ้าหญิงบัสมาห์ มีเนื้อหาระบุว่า เหตุผลที่เธอถูกคุมขัง อาจจะเกี่ยวพันกับบทบาทของเธอ ในการรณรงค์ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ รวมทั้งการสอบถาม เกี่ยวกับการอายัดทรัพย์มรดก ในส่วนที่เธอได้รับจากพระราชบิดา.

เครดิตภาพ – The Times, Reuters
เครดิตคลิป – Zomomg