สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ว่า นายปรัก สุคน รมว.การต่างประเทศกัมพูชา กล่าวถึงการเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการหารือแบบพบหน้าตัวต่อตัวกับพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา “ให้ผลลัพธ์เชิงบวก” และ “มีความคืบหน้าอย่างสร้างสรรค์” ซึ่งจะส่งผลดีต่อฉันทามติ 5 ข้อว่าด้วยสถานการณ์ในเมียนมา ที่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) บรรลุร่วมกัน เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว

Mizzima TV


เกี่ยวกับเสียงวิจารณ์ของหลายฝ่าย ที่รวมถึงรัฐบาลเงาของเมียนมา ว่าการเยือนกรุงเนปิดอว์ของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งทำหน้าที่ประธานอาเซียนปีนี้ เท่ากับเป็น “การยอมรับโดยปริยาย” ว่ารัฐบาลของพล.อ.มิน อ่อง หล่าย “มีความชอบธรรม” นายปรัก สุคน กล่าวว่า “มีแต่ผู้ที่ต้องการให้เมียนมาวุ่นวายและอยู่ท่ามกลางสงครามต่อไปเท่านั้น ที่จะคัดค้านการใช้กลไกทางการทูตเพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ครั้งนี้”


ขณะที่แถลงการณ์จากกระทรวงข่าวสารของเมียนมา ระบุว่าการพบหารือระหว่างพล.อ.มิน อ่อง หล่าย กับสมเด็จฮุน เซน “ตรงไปตรงมาและเป็นประโยชน์” ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา “ให้คำมั่น” ขยายระยะเวลาหยุดยิงกับกองกำลังชาติพันธุ์จนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมคือสิ้นเดือนก.พ. และการเจรจาร่วมกับคู่ขัดแย้งทุกภาคส่วน


นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน หยิบยกเรื่องของนายฌอน เทอร์เนลล์ นักวิชาการชาวออสเตรเลีย ซึ่งร่วมงานกับนางออง ซาน ซูจี ในฐานที่ปรึกษาคนนอกด้านเศรษฐกิจ และถูกควบคุมตัวตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว มาพูดคุยกับผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ตามคำขอของรัฐบาลออสเตรเลียด้วย ซึ่งพล.อ.มิน อ่อง หล่าย กล่าวว่า “จะรับไว้พิจารณา”


ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชายืนยันว่า สมเด็จฮุน เซน ไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับนางออง ซาน ซูจี ซึ่งศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้รับโทษจำคุกเพิ่มอีก 4 ปี จากความผิด 3 ข้อหา เกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าและครอบครองวิทยุสื่อสาร และการละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทำให้ตอนนี้นางซูจีมีบทลงโทษจองจำสะสมเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ปีแล้ว.

เครดิตภาพ : REUTERS