ต้องบอกว่าไม่ผิดคาดจากที่ทีมแพทย์เตือนไว้ว่าหลังเทศกาลแห่งความสุขปีใหม่ โอมิครอน ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ จะระบาดหนักในเมืองไทย ผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อดีดขึ้นไป 1-8 พันรายแล้ว ลามไปแล้ว 55 จังหวัดทั่วประเทศแนวโน้มพุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ จน ศบค.ต้องปรับระดับพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 39 จังหวัด ปรับเป็น 69 จังหวัด และปรับมาตรการให้ทำงานจากที่บ้าน (WFH) ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.นี้ พร้อมให้เตรียม ยา เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลให้พร้อมรองรับผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ศบค.ยังเลื่อนการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแบบ TEST & GO ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด และจะขอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง จากที่ประกาศหยุดชั่วคราวไม่กี่วัน และยังคงปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะออกไปก่อนด้วย จากกำหนดการเดิมที่จะให้เปิดบริการได้ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ เพราะหวั่นเชื้อ โอมิครอนที่กำลังระอุ ลุกลามหนัก กระจายเป็นคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ หากปล่อยกันตามสบายเกรงว่าจะเอาไม่อยู่

ทว่าหากดูตามสถานการณ์  ลุงตู่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.คงทำได้ แค่ขอความร่วมมือหน่วยงานเอกชน และหน่วยงานของรัฐ เวิร์กฟรอมโฮม ปิดสถานบันเทิงชั่วขณะ ในระยะเวลาที่แน่ใจว่า เชื้อโอมิครอนจะไม่ระบาดลุกลามหนักจนเป็นอันตราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งถึง 3 หมื่นราย ตามที่มีการคาดการณ์กันไว้ในเดือน ก.พ. 2565 จนโรงพยาบาลรับไม่ไหวต้องล็อกดาวน์ ปิดเมืองกันอีกรอบ

แต่ที่แน่ ๆ ปากท้องประชาชน และสภาพเศรษฐกิจวิกฤติดิ่งเกือบถึงก้นเหวแล้ว คงยากจะฉุดให้ขึ้นมา หาบเร่ แผงลอยธุรกิจรายเล็กรายน้อย รวมไปถึงรายใหญ่ เจ๊ง กันเป็นแถบ ๆ อาการส่อเค้า สาหัสตั้งแต่หัวปี ไม่เพียงเท่านั้นคนไทยยังต้องกระอักซ้ำกับปัญหา หมูราคาแพง ทะลุไปกว่า 200 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ร้านอาหาร ทั้งริมถนนหรือในห้างสรรพสินค้า ที่มีเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบพาเหรดปรับขึ้นราคา

งานนี้สารพัดปัญหาปากท้องประชาชนที่ประดังประเดเข้ามา  จนฝั่งตรงข้ามอย่างพรรค “เพื่อไทย” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรค ออกมาเตือนรัฐบาลว่า “อย่านิ่งนอนใจกับสถานการณ์ “โอมิครอน” อยากให้รัฐบาลเรียนรู้จากบทเรียนการระบาดในหลายครั้งที่ผ่านมา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการป้องกัน อย่าปล่อยให้สถานการณ์บานปลายแล้วประกาศล็อกดาวน์แบบกะทันหันอีก”

เจอบีบหนักทุกด้านทั้งการเมืองสนิมเนื้อใน  บวกกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ ความหวังเครื่องยนต์หลักอย่างการท่องเที่ยว เกิดอาการสำลักโอมิครอนที่วิกฤติลามถึงปากท้องชาวบ้าน โจทย์โหดหินจ่อคอหอย กัดฟันเผชิญโควิดอีกระลอก ท่ามกลางสายป่านสั้นลงทุกขณะ ประจานฝีมือบริหารกัปตันทีมเศรษฐกิจที่สถานะโคลงเคลงตั้งแต่ต้นปี เข้าสู่สภาวะอำนาจแกว่งสะเทือนคะแนนนิยมผู้นำรัฐบาลที่ต้นทุนหน้าตักติดลบหนักยากที่จะฟื้นกลับมาเหมือนช่วงต้น.