นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีทางการไต้หวันตรวจพบผลิตภัณฑ์กุนเชียงหมู ปนเปื้อนเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) ว่า จากการสอบถามไปยังผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ดูแลไทเปพบว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตรวจพบ จากการสั่งซื้อสินค้าและส่งทางพัสดุไปรษณีย์จากประเทศไทย ไม่ได้เป็นการสั่งนำเข้าสินค้าจากผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ตาม ได้ให้ทูตพาณิชย์ไทเป ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า ทางการไต้หวัน ได้มีมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มเติมแต่อย่างใด​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาไต้หวัน ไม่อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์หมูเป็น หรือหมูเนื้อแดงจากประเทศไทยอยู่แล้ว โดยอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะผลิตภัณฑ์หมูแปรรูปโดยใช้ความร้อนสูง และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่บรรจุภัณฑ์ปิดผนึกมิดชิด หรือซองสุญญากาศเท่านั้น

ขณะที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ซึ่งดูแลประเทศไต้หวัน ได้รายงานเพิ่มถึงกรณีการตรวจพบกุนเชียงมีเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาปนเปื้อนว่า ขณะนี้ไต้หวันได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบพัสดุจากไทย และอาเซียน และในเร็วๆ นี้ ไต้หวันจะทำหนังสือแจ้งหน่วยงานไทยให้เพิ่มความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย สำหรับการตรวจพบกุนเชียงที่ส่งทางไปรษณีย์นั้น อาจเป็นไปได้ที่ชาวไต้หวันสั่งซื้อเอง หรือชาวไต้หวันในไทย สั่งซื้อให้ญาติในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ทางการไต้หวัน ขอให้ชาวไต้หวันในต่างประเทศ งดส่งผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์บกทุกชนิดกลับมาไต้หวัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบาดขึ้น

ทั้งนี้ หากไต้หวันพบว่ามีการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์หมูจากไทยผ่านการส่งพัสดุไปรษณีย์บ่อยครั้ง จะยิ่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าจากไทยมากขึ้น ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยควรตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตอย่างเข้มงวด เพราะการที่นำเนื้อหมูที่ปนเปื้อนเชื้อโรค มาใช้ในการผลิตสินค้า ถือเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนมาก หากไม่มีการลงโทษ หรือมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสินค้าไทยโดยรวมได้