เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงเรื่องสูตรฉีดวัคซีนมีรายละเอียดดังนี้

1.กลุ่มอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ใช้สูตรวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม หรือแอสตราเซเนกา-ไฟเซอร์ หรือ ซิโนแวค-แอสตราเซเนกา

2.กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ใช้สูตรวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มเป็นหลัก

3.กลุ่มที่เตรียมฉีดเข็ม 3 หากเข็ม1-2 ฉีดสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตราเซเนกาให้ฉีดเข็ม 3 แอสตราเซเนกาเป็นหลัก, ส่วนผู้ที่ฉีดแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ให้ฉีดกระตุ้นด้วยไฟเซอร์เป็นหลัก, กรณีฉีดเชื้อตาย 2 เข็มไม่ว่าซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ถ้าครบ 4 เดือน ให้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา

4.กลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-11 ปีองค์การอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กฝาสีส้ม ซึ่งต่างจากวัคซีนไฟเซอร์ที่ใช้ในผู้ใหญ่ฝาสีม่วง เด็กใช้วัคซีน 10 ไมโครกรัมแต่ในผู้ใหญ่ใช้ 30 ไมโครกรัม ไม่สามารถใช้วัคซีนขวดฝาสีม่วงของผู้ใหญ่มาแบ่งเป็น 3 โด๊ส เพื่อฉีดให้เด็กได้

“ดังนั้นในเด็กต้องใช้แบบเฉพาะขวดฝาสีส้มเท่านั้น ส่วนเด็กโตขึ้นไปและผู้ใหญ่ต้องใช้ในสูตรที่เป็นฝาสีม่วง 30 ไมโครกรัม กรณีวัคซีนสำหรับเด็กที่เป็นฝาสีส้ม มีกำหนดเข้าไทยช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือภายในเดือน ก.พ.ถือว่าเร็วมาก เพราะวัคซีนสำหรับเด็กตอนนี้เป็นที่ต้องการทั่วโลก ซึ่งไทยถือเป็นประเทศอันดับ 2 ที่ได้วัคซีนเด็กในเอเชีย และตอนนี้ได้เตรียมแผนฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว โดยเตรียมการฉีดไล่เรียงเริ่มจากเด็กที่มีอายุ 11 ปีลงมา” พญ.สุมนี กล่าว พร้อมเน้นย้ำขณะนี้ โรคโควิดลดความรุนแรงลง คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากวัคซีน และ ศบค.คาดหวังปี 65 โรคโควิดจะเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่น.