คริสโตเฟอร์ ลิคาตา วัย 45 ปีจากเมืองเดลเรย์บีช รัฐฟลอริดา รับสารภาพว่าห้องแล็บ ‘โบคา ท็อกซิโคโลจี’ ของเขา ซึ่งเป็นห้องแล็บที่ให้บริการทดสอบและการตรวจหาผลลัพธ์ต่าง ๆ ทางการแพทย์ ได้ลักลอบสั่งรายการตรวจที่ไม่จำเป็น แต่มีราคาแพงแก่คนไข้ ได้แก่การตรวจระบบทางเดินหายใจและการตรวจทางพันธุกรรมเพื่อค้นหาแนวโน้มของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ, มะเร็ง, เบาหวาน, อัลไซเมอร์ ฯลฯ โดยที่คนไข้เหล่านี้ต้องการเพียงแค่การตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเท่านั้น

อัยการรัฐบาลกลางกล่าวว่าลิคาตาเริ่มต้นสั่งรายการตรวจในลักษณะนี้ในปี 2561ในรูปแบบอื่น แต่มาสั่งเพิ่มให้แก่คนไข้เป็นจำนวนมากเมื่อเริ่มมีการระบาดของโรคโควิด-19 และทำต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 2564

อัยการระบุในเอกสารว่าลิคาตาอาศัยความหวาดกลัวต่อการติดเชื้อโควิด-19 ของคนไข้เพื่อลักลอบสั่งรายการตรวจอื่น ๆ ที่แพงกว่ารวมเข้าไปกับรายการตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นสำหรับคนไข้

ส่วนต่างของรายการตรวจเพิ่มเติมนั้นมีมูลค่าสูงกว่าเงินงบประมาณส่วนที่โครงการเมดิแคร์ของรัฐบาลสหรัฐจ่ายให้รายการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นรายการตรวจที่มีราคาถูก โดยสรุปแล้ว โบคา ท็อกซิโคโลจีได้ยื่นขอเบิกเงิน 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (228.8 ล้านบาท) จากโครงการเมดิแคร์ โดยอาศัยฐานข้อมูลเท็จ และได้รับเงินเบิกจ่ายเป็นจำนวนเกือบ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (99.5 ล้านบาท)

ตามบันทึกของศาล ลิคาตาจ่ายสินบนให้กลุ่มเครือข่ายนายหน้าซึ่งทำงานกับสำนักงานของกลุ่มแพทย์ที่สามารถส่งต่อคนไข้ในโครงการเมดิแคร์และสั่งรายการตรวจที่ไม่จำเป็นมายังห้องแล็บของเขา โดยคิดเป็นจำนวน 10% ของเงินที่เขาได้รับ ในหลายกรณีนั้น การส่งต่อมาจากบริษัทที่ให้บริการการแพทย์ทางไกล ซึ่งมีหมอหลายคนถูกกล่าวหาว่าสั่งรายการตรวจหลายอย่างให้คนไข้โดยที่พวกเขาไม่เคยรู้เห็นมาก่อน

ศาลกลางของรัฐฟลอริดาตัดสินว่าลิคาตามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดเพื่อฉ้อโกงเงินจากโครงการสวัสดิการทางสุขภาพของรัฐ เขาจะต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 10 ปีโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ 

แหล่งข่าว

https://www.marketwatch.com/story/florida-laboratory-owner-ran-7-million-medicare-fraud-pushing-expensive-unnecessary-tests-for-patients-who-were-worried-about-having-covid-19-11642174685?siteid=yhoof2

เครดิตภาพ : Getty Images