เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 6 สงขลา ผลออกมาอย่างไม่เป็นทางการ  ผู้สมัครหมายเลข 1   น.ส.สุภาพร กำเนิดผล พรรคประชาธิปัตย์  ได้คะแนนเสียง 45,491  คะแนน  ส่วนคู่แข่งสำคัญ  ผู้สมัครหมายเลข 3 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียง ทั้งหมด  40,430  คะแนน  ซึ่งทำให้ผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สุภาพร กำเนิดผล พรรคประชาธิปัตย์ ชนะไปด้วยคะแนนเสียง 5,061 คะแนน ซึ่งถือว่าสู้กันได้อย่างสนุก และเป็นที่รู้กันดีว่าพื้นที่เขต 6 จ.สงขลา เป็นพื้นที่ของประชาธิปัตย์  และมีผู้มาใช้สิทธิมีผู้มาใช้สิทธิ 73.85 % บัตรเสีย 2% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 2%  ส่วนภาพรวมทั้งหมดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมจากรณีก่อนหน้านี้

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  กรณีที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่า “ผมไม่เคยเห็นการโกงการเลือกตั้งอย่างนี้มาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าพรรคพรรคหนึ่ง ที่มีภาพทางการเมืองที่บริสุทธิ์เป็นแบบนี้” คิดว่าวันนี้การแข่งขันถือว่ายุติลงแล้ว การที่ท่านธรรมนัส ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐกล่าวอย่างนี้ เสมือนว่าแพ้แล้วชวนตี ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอย่างนี้ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการแข่งขันกันตามกติกา ในระบอบประชาธิปไตย เรามีคณะกรรมการเลือกตั้งคอยกำกับคอยดูแล ท่านธรรมนัสจะมาทำตัวกล่าวหาคนอื่นแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่วิสัยที่จะทำ แต่ถ้าท่านธรรมมนัสมีพยานหลักฐาน ก็สามารถเอามาแสดงที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ ซึ่งเขามีหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ให้บริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว การที่พอแพ้แล้วกล่าวหาการเลือกตั้ง ถือว่าไม่ใช่นิสัยของคนที่มีน้ำใจนักกีฬา

ฉะนั้นการที่จะกล่าวหาคนอื่นให้เสียหาย ว่ามีการโกงการเลือกตั้งจึงต้องระมัดระวัง ไม่ใช่พูดเอามันเข้าว่า หากทำให้พรรคเสียหายพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถดำเนินการใดๆตามกฎหมายได้  ฉะนั้นจึงถือโอกาสนี้ฝากเตือนสติว่าจะทำอะไรต้องให้เกียรติคนอื่นบ้าง ตนคิดว่าเมื่อเป็นผู้ใหญ่กันแล้วจะทำอะไรต้องระมัดระวัง ไม่ใช่กล่าวหาคนอื่นได้รับความเสียหาย หรือทำให้คนอื่นต้องมัวหมองไปด้วย ไม่ใช่ว่าตนเองแพ้การเลือกตั้ง ไม่รู้จะไปอธิบายกับใครอย่างไร ก็กล่าวหาคนอื่นโกงการเลือกตั้ง

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ตนจึงขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และไม่พูดจาอะไรให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำตลอดว่าในระบบประชาธิปไตยนั้น ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกัน ฉะนั้นถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องว่าพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินการทางการเมืองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามแนวทางของพรรค และจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายแน่นอน นี่คือสิ่งที่ยืนยันกับพี่น้องประชาชนได้