สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ หลังการเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 6 ระหว่างผู้สมัครหมายเลข 1 น.ส.สุภาพร กำเนิดผล จากพรรคประชาธิปัตย์ และหมายเลข 3 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ จากพรรคพลังประชารัฐ กระแสการ ตอบรับ ของคนในพื้นที่ ร่วมทั้ง นักวิจารณ์การเมือง ต่างให้น้ำหนักในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปยัง นายอนุกูล มากกว่า น.ส.สุภาพร และแม้แต่ 2 วันสุดท้าย ก่อนการลงคะแนน กระแส ของนายอนุกูล ผู้สมัครหมายเลข 3 ยังมาแรงในหลายพื้นที่ ยกเว้น อ.คลองหอยโข่ง ที่เป็น “ฐาน” กำลังของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง “นายยกชาย” สส.เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ จ.สงขลา รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ผู้เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง เขต 6 และที่สำคัญเป็น สามีของ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครหมายเลข 1

เลือกตั้งซ่อม ‘สงขลา’เขต6 ‘ปชป.-พปชร.’สู้กันเดือด คะแนนช่วงแรกยังสูสี!

เหตุผลที่ กระแส ของ ผู้สมัครหมายเลข 3 พรรคพลังประชารัฐ ถูกปั่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะล้มผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ในการเลือกตั้งครั้งนี้มาจาก ปัจจัย เหล่านี้ 1 เป็นคนในพื้นที่ ตามสโลแกนการหาเสียง “คนพื้นที่ คนบ้านเรา” ในขณะที่ น.ส.สุภาพร ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีชื่อทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่มีภาพ น.ส.สุภาพร ในการ หย่อนบัตรเลือกตั้ง 2 ผู้สมัครหมายเลข 3 ลงสมัครในพรรคใหญ่คือพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะ” อำนาจรัฐ” ที่ถูกมองว่า ใช้ได้ผลในการเลือกตั้งซ่อม ทุกเขตเลือกตั้ง และล่าสุด “ล้มช้าง” สร้างความ “อับอาย” ให้กับ “ประชาธิปัตย์” มาแล้ว ในการเลือกตั้งซ่อม แทน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.”ประชาธิปัตย์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือน มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา 3 เป็นคนหนุ่ม มีความรู้ มีเงินทุน มีพ่อที่เป็น “คหบดี” รายใหญ่ของ จ.สงขลา เป็นอดีต นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสะเดา มีอาเป็น สมาชิกสภาจังหวัดเขต อ.สะเดา และมี 4 มีนาย อนุมัติ อาหมัด อดีต สว. นักธุรกิจใหญ่ ใน อ.สะเดา คนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผย 5 มีนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ให้การสนับสนุน ทำให้คนในพื้นที่ จ.สงขลา มองว่า “นายอนุกูล มี “แต้มต่อ” ทางการเมืองกว่า น.ส.สุภาพร ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ อย่างแน่นอน

‘ปชป.’ยังเหนียวคว้าชัยเลือกซ่อม ‘สงขลา’เขต6 เปิดตำนานว่าที่ส.ส.หญิงคนแรกของจังหวัด

มีการมองว่า ”จุดอ่อน” ของผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์คือ 1 ผู้สมัครของพรรค ไม่ใช่คนในพื้นที่ มีสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเพราะเป็นคนที่มีภูมิลำเนาใน จ.สงขลา ตามกฎหมายเท่านั้น 2 เป็นภรรยาของนายเดชอิศม์ ขาวทอง (นายกชาย) ซึ่งมีการโจมตีมาโดยตลอดว่า เป็นการสร้างฐานการเมืองใน จ.สงขลา โดยเป็น “สภาผัวเมีย” และเป็นครอบครัว “การเมือง” เพราะก่อนหน้านี้ นายเดชอิศม์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะส่ง “ลูกชาย” ลงสมัคร ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สงขลา ในการเลือกตั้งใหญ่ 3 มีการมองว่า นายเดชอิศม์ และ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มี เงินทุนในระดับ 100 ล้าน เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ และ 4 นายเดชอิศม์ และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอำนาจรัฐเพื่อ “สั่งการ” ให้ สนับสนุน ผู้สมัครหมายเลข 1 อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่กำกับดูและ ทั้ง มหาดไทย, กลาโหม, แรงงาน, อุตสากรรม

โดยเฉพาะก่อนเลือกตั้ง 2 วัน ในวันที่ 14 ซึ่งเป็นการเปิดปราศรัยนัดสุดท้ายของ “พลังประชารัฐ” มีการระดม ผู้มีอำนาจรัฐมาประชุมที่สวนอาหารแห่งหนึ่งใน อ.สะเดา ด้วยการปิดสวนอาหารแห่งนั้น เพื่อตรวจสอบแผนการสุดท้ายในการใช้อำนาจรัฐ เพื่อ “สกัด” มิให้ ฝ่ายตรงข้ามใช่เงินในการ “ทุบ” ในคืน “หมาหอน” เพื่อให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อว่า ผู้สมัครหมายเลข 3 ของพรรคพลังประชารัฐ “ปิดประตูแพ้” อย่างแน่นอน ซึ่งสอดคล้องกับการให้ “สัมภาษณ์ของ” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า พลังประชารัฐจะชนะไม่ต่ำกว่า 6,000 คะแนน โดยเชื่อมั่นว่า ในเขตเทศบาลสะเดา ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ “พลังประชารัฐ” ต้องชนะแบบ “แหลกลาญ” เป็นการ “ชนะ” ในพื้นที่ใหญ่ และแพ้เล็กน้อย ในพื้นที่เล็ก อย่าง อ.คลองหอยโข่ง แต่สุดท้ายเมื่อคะแนนในเขตเทศบาลไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังเพราะ ”นิพนธ์ บุญญามณี” ซึ่งมี “พันธมิตร” ทางการเมือง ท้องถิ่น สามารถ ”ยัน” เอาไว้ได้ ด้วยการใช้ นโยบายแพ้ให้ ”น้อยที่สุด” และทำได้สำเร็จ จึงกลายเป็นการ ”ดับฝัน” ของ “พลังประชารัฐ” ในที่สุด

แต่…โดยข้อเท็จจริงของการ “หาเสียง” บางครั้ง ”กระแส” และ ”กระสุน” เพียง 2 อย่าง ยังไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริหารจัดการในการ ”หาเสียง” หรือ ”ยุทธศาสตร์” ของการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ที่กำหนด ”ยุทธศาสตร์” ต้องมีประสบการณ์ทางการเมือง ซึ่งประเด็นนี้ พรรคพลังประชารัฐด้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ตามปัจจัยดังนี้ 1 นายสุชาติ ชมกลิ่น ผอ.เลือกตั้งของ ”พลังประชารัฐ” สู้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง จาก ”ประชาธิปัตย์” ไม่ได้ เพราะ ”สุชาติ” ไม่รู้จักพื้นที่ และ ไม่ใช่ ”คนใต้” ไม่เข้าใจ วิถีวัฒนธรรมของคนใต้ 2 เวทีปราศรัย ยังมีความสำคัญสำหรับคนใต้ ซึ่ง ”ขุนพล” ในการปราศัยของ “ประชาธิปัตย์” มีความ ”เหนือชั้น” มากกว่า

โดยเฉพาะ ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ และที่สำคัญในการ ”ปราศรัย” โค้งสุดท้าย นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รมช.มหาดไทย นอกจากจะ ”ทุ่มสุดตัว” เด็ดขาด และ ดุเดือด แล้ว ยังงัดเอา ผลงาน การพัฒนา อ.สะเดา ในสมัยที่เป็น นายก อบจ.สงขลา ชี้ให้ประชาชนเห็น และที่เป็น ”หมัดเด็ด” คือการใช้คำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เรื่อง “คนจน คนรวย” เป็นการ ”ย้อนศร” สร้าง คะแนนนิยมให้เกิดขึ้นใน 2 วันสุดท้าย จนสามารถ ”พลิก” สถานการณ์จาก ผู้ตามหลัง ให้กลายเป็นผู้มีคะแนนนำในโค้งสุดท้าย 3 หัวคะแนนของ ”ประชาธิปัตย์” มีความ “ช่ำชอง” เกมการหาเสียง การควบคุมเสียง ของผู้มีสิทธิออกเสียงได้อย่าง “เบ็ดเสร็จ” ไม่มีการ ”เบี้ยว” เกิดขึ้น ในขณะที่ หัวคะแนนของหมายเลข 3 มีความ ”เขี้ยว” ไม่เพียงพอ และหลายพื้นที่ ”ไม่จริง” ที่สำคัญมีความเชื่อมั่นใน ”กระแส” ของผู้สมัครหมายเลข 3 ที่มีการกล่าวถึง มีการตอบรับจากคนรุ่นใหม่ ทำให้เชื่อว่า ไม่ต้องเดินมาก ก็ชนะ

“เสี่ยเฮ้ง”ยอมรับผลลต.ซ่อมสงขลา ลั่นแพ้ก็คือแพ้คนชนะต้องมีแค่หนึ่ง

แหล่งข่าวจาก “พลังประชารัฐ” ในพื้นที่กล่าวว่า ในพื้นที่เขต 6 มี ค่ายทหารตั้งอยู่ 2 แห่ง ใน อ.คลองหอยโข่ง และ มีค่าย ตชด.อยู่ 2 แห่ง ใน อ.สะเดา มีสถานีตำรวจ 4 แห่ง ซึ่งผู้สนับสนุนหมายเลข 3 เชื่อว่า มีการใช้ อำนาจรัฐ “สั่งการ” ให้ เทคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคได้แน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง ที่เป็นฐานของ”นายเดชอิศม์” ผู้สมัครของ พลังประชารัฐ แม้จะแพ้ แต่ก็ไม่ถึงกับ ”ยับเยิน” ในขณะที่ “ประชาธิปัตย์” ซึ่งถูกมองว่าเป็น ”มวยรอง” มาโดยตลอด นั้น ใน 2 วันสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง นอกจากจะได้ ”กระแส” เรื่อง”คนคน-คนรวย” ที่เกิดจากการ “ปราศรัย” ของ ร.อ.ธรรมนัส” มาเป็น ”ตัวช่วย”แล้ว ยังใช้การ ”อ้อน” ด้วยการให้ หัวคะแนน ”แบ่งคะแนน” จากประชาชนที่มีความคิดที่จะเทคะแนนให้หมายเลข 3 ด้วย ด้วยการเข้าถึง ”ครัวเรือน” เพื่อขอ ”แบ่งครึ่ง” โดยอ้างว่า ถึงไม่ชนะ ก็อย่าให้แพ้มาก ซึ่งวิธีการนี้ใช้ได้ผล สำหรับ ”คนใต้” ดังนั้น คะแนนส่วนหนึ่งที่ผู้สีสิทธิ คิดที่จะ ”เท” ทั้งหมดให้กับ หมายเลข 3 ก็กลายเป็นคะแนนบางส่วนของผู้สมัครหมายเลข 1 โดยปริยาย

ที่สำคัญในการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ทุกครั้งเรื่อง ”การพนัน” มีส่วนของการ “แพ้-ชนะ” ไม่มากก็น้อย ในการเลือกตั้ง ครั้งนี้มีการ เล่น ได้เสีย ในวงเงินหลายร้อยล้านบาท สิ่งที่ทำให้ “เซียน” เชื่อว่า ผู้สมัครของ ปชป.แพ้ เพราะ ไม่มีคนของ ปชป.ที่เป็น ”เซียน” คนไหนกล้าที่จะ ”ต่อ” มีแต่การ ”รอง” อย่างเดียว ซึ่งสุดท้าย ผู้ที่เล่น ”รอง” ไว้ รับทรัพย์ไปหลายร้อยล้าน จากการเลือกตั้งครั้งนี้

สรุปเลือกตั้งซ่อม ‘สงขลา- ชุมพร’ เรียบร้อยดี พบมี 9 คดี ทำลายป้าย-ยิงรถหาเสียง

ทั้งหมดคิด เบื้องหลังของการ ”แพ้-ชนะ” ของการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 6 อ.สะเดา จ.สงขลา ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งผู้แพ้ และ ชนะ กำลังเดินสาย ขอบคุณ ประชาชน ในเขตเลือกตั้ง ซึ่งเป็น เจ้าของคะแนนเสียง สำหรับผู้ชนะ คือต้องทำตาม สัญญา ที่ให้ไว้กับประชาชน ส่วนผู้แพ้กลับไป ทำการบ้านเพื่อ ”แก้มือ” ในสมัยหน้า เพราะคณะเสียงที่ ผู้แพ้ได้ไปจากประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 6 ในครั้งนี้ เป็นคะแนนเสียงที่มาก เพียงแต่ยังไม่มากพอสำหรับการเป็นผู้ชนะเท่านั้นเอง และนี้คือการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ เสียงของประชาชน ยังเป็น ”เสียงสวรรค์” สำหรับ ”นักเลือกตั้ง” ทุกคน