เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ตามที่ส.ส.สอบตกคนหนึ่งมักอ้างตนว่ามีความเชี่ยวชาญกฎหมาย ในสิ่งที่มิได้ศึกษา หรือมีความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องนี้มาก่อน ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 23 ตามพ.ร.บ. ให้ใช้ฯ พ.ศ. 2564 โดยกล่าวว่า “กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่นั้น” ผมขอเรียนว่า การที่เขายกมาตราดังกล่าวมากล่าวอ้าง มิได้ตีความถ้อยคำในมาตรา 23 นี้ ตามตัวอักษรที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวให้ประชาชน ที่ไม่ได้เป็นนักกฎหมายได้เข้าใจ แต่ยกถ้อยคำบางส่วนเพื่อจะสรุปว่า กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษตามพ.ร.บ.ให้ใช้ฯ อยู่ ซึ่งในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหากอ่านถ้อยคำที่บัญญัติไว้ ในมาตราดังกล่าวอย่างละเอียดจะพบว่า มาตรา 23 วรรคแรกนี้ ได้บัญญัติถึงระยะเวลาในการอนุญาตนำเข้า ยาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือ การรักษาผู้ป่วย ตามมาตรา 35 ซึ่งให้ “นำเข้า” ได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์ ซึ่งผมขอย้ำว่า ส.ส สอบตก จงใจที่จะไม่กล่าวถึง คำว่า “นำเข้า” ว่ามีสาระสำคัญที่แตกต่างจากกรณีที่เรากำลังกล่าวถึงกันอยู่ในขณะนี้อย่างไร” 

นายศุภชัย ระบุต่อว่า “เพราะการนำเข้านั้นหมายถึง การนำเข้ามาจากต่างประเทศ เข้ามายังในราชอาณาจักร ซึ่งมาตรา 23 วรรคหนึ่ง อนุญาตให้นำเข้าได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์ในช่วง 2 ปีแรก นับแต่ที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดเสพใช้บังคับ คำว่านำเข้านั้น ย่อมหมายถึง กรณีที่มิได้มีอยู่ในประเทศไทยมาก่อน และต้องขออนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นคนละกรณี คนละเรื่องกันกับที่ว่าวันนี้กัญชาเป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายฯ ซึ่งเป็นกฎหมายภายในประเทศของเราอีกหรือไม่ แต่กรณีที่เรากล่าวถึงกันอยู่นี้ เป็นกรณีที่มิได้มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เป็นการปลูกขึ้นภายในประเทศเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือ ประโยชน์อื่นใด

ถามว่าทำไมผมกล่าวคำว่า “กฎหมายภายในประเทศ” เหตุเพราะโดยเจตนารมณ์ของมาตรา 23 วรรค 1 นี้ บัญญัติขึ้นมาจากการที่ ประเทศไทยได้ไปเป็นภาคีประเทศของอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1961 และพิธีสารแก้ไขอนุสัญญาเดี่ยว ค.ศ. 1961, ค.ศ.1972 The Single Convention on Narcotic Drugs, 1961), The 1972 Protocol Amending the Single Convention on Narcotic Drugs, 1961) ซึ่งในอนุสัญญาดังกล่าวมีคำนิยามถึง กัญชาต้นกัญชา ยางกัญชา ยาเสพติด การนำเข้าการนำออก เป็นต้น ซึ่งเราในฐานะภาคีประเทศต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับที่เราไปลงนามไว้ เป็นเหตุให้ต้องระบุถ้อยคำว่า “การอนุญาตนำเข้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นกัญชา ……” เพราะการนำเข้ากัญชามาจากต่างประเทศ ผิดกฎหมายตามอนุสัญญานั้น เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด การนำเข้ากัญชา ซึ่งนำเข้าได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์นั้น จึงยังจำเป็นต้องบัญญัติ ถ้อยคำให้สอดคล้องกับประเภทของสิ่งที่ต้องขออนุญาตนำเข้ามาจากต่างประเทศที่ยังบัญญัติว่า กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ เป็นคนละกรณีกับ การที่ประชาชนที่มิได้นำเข้ากัญชามาจากต่างประเทศ ได้ทำการปลูกขึ้นอยู่แล้วในประเทศไทย จะถือเป็นกรณี ว่ามีการนำเข้า ตามมาตรา 23 วรรค 1 ไม่ได้อย่างชัดแจ้งอยู่แล้วโดยไม่ต้องตีความ 

“สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือในระหว่างประเทศกัญชายังเป็นยาเสพติด แต่ในหลายประเทศก็ออกกฎหมายภายในปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด แล้วก็ควบคุมตามดีกรีของกฎหมายภายใน รัฐในสหรัฐอเมริกาจำนวนเกือบ 40 รัฐ กัญชาถูกกฎหมายของรัฐนั้นๆ แต่กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐยังผิดอยู่ เพราะรัฐบาลกลางสหรัฐว่าตามอนุสัญญาเดี่ยว ในแคนาดา ประเทศในยุโรปหลายประเทศ กัญชาก็ไม่เป็นยาเสพติด และสิ่งที่ประเทศไทยได้ทำแล้วก็เหมือนกับรัฐหลายรัฐในสหรัฐอเมริกาทำเหมือนแคนาดา หรือหลายๆประเทศทำ คือปลดล็อกกัญชาออกจากกฎหมายภายในของประเทศของตน ส่วนจะมีดีกรีของกฎหมายภายในที่จะมาในควบคุมหรือไม่ระดับใดก็จะดำเนินการต่อไป เหมือนเราถอดกระท่อมออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติด แล้วก็มาออกเป็น พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภาขณะนี้

ส่วนการดำเนินการใดระหว่างประเทศก็จะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับอนุสัญญาเดี่ยวนั้น หาก ส.ส. สอบตกคนนั้น ได้ศึกษาหาความรู้ ข้อมูล ความเป็นมา รวมถึงเจตนารมณ์ของการบัญญัติกฎหมายในมาตรา23 นี้เสียหน่อย ก็คงจะไม่แสดงความคิดเห็นที่เสมือนการตีกินในการเอาเรื่องที่ตัวเองไม่รู้จริงมากล่าวบิดเบือน ให้ดูเหมือนเป็นผู้ทรงภูมิรู้และแตกฉานในกฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่หาได้ทราบถึงเจตนารมณ์ และความเป็นมาของกฎหมายมาตรานี้แต่อย่างใด การตั้งใจบิดเบือนเรื่องราวให้ประชาชนหลงเข้าใจผิด คงเป็นไปตามสติปัญญาที่หลงเหลืออยู่ในสมองอันโล่งๆ ของแก แกจึงคิดได้เพียงแค่นั้น แต่ก็น่าเห็นใจเพราะตั้งแต่สอบตกมา ในสมองก็มีแต่ความคั่งแค้นเพราะแพ้เลือกตั้ง ส.ส. เวลานี้ประเทศอื่นๆ ล้ำหน้าได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทางธุรกิจจากกัญชา สร้างรายได้ให้เกษตรกร ให้ประเทศอย่างมหาศาล แต่เรามัวติดหล่มกับความคิดหรือทัศนคติเดิมๆ ทั้งๆ ที่ในภูมิภาคนี้เรามีกฎหมายที่ออกมารองรับไว้แล้วเป็นประเทศแรก และเราพร้อมจะเป็นผู้นำ สร้างรายได้ให้เกษตรกร ให้ประเทศก่อนใคร ทำให้คิดได้ว่า หรือสิ่งที่ท่านที่ผมรักนับถือท่านหนึ่งคือ ท่านไพศาล พืชมงคล เคยพูดไว้ว่า มีตีนใหญ่ๆ มาราน้ำกัน จนการปลดล็อกกัญชาจะขยับไม่ออกจะเป็นเรื่องจริง…? ใครรู้ช่วยตอบผมที” นายศุภชัย ระบุ.