เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการล่าชื่อขับแอมเนสตี้ฯ (Amnesty International Thailand) พ้นประเทศไทย เนื่องจากแทรกแซงกิจการภายในประเทศว่า ภายในสิ้นเดือน ม.ค. ตนและประชาชนที่ได้ลงชื่อขับไล่ NGO แอมเนสตี้ ได้ครบ 1 ล้านรายชื่อเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อให้ถูกต้องชัดเจน จากนั้นนำ 1 ล้านรายชื่อไปยื่นหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบแอมเนสตี้ฯ อันดับแรกไปยื่นต่อกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นนายทะเบียน เพื่อให้เร่งเพิกถอนใบอนุญาตให้องค์กรนี้พ้นสภาพ เพราะทำผิดหลายประการไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขระเบียบในการยื่นขอนุญาตจดทะเบียนเอาไว้

“เมื่อกรมการปกครอง เพิกถอนใบทะเบียนเท่ากับว่า แอมเนสตี้ฯ เป็นองค์กรเถื่อน ใครเคลื่อนไหว อ้างชื่อองค์กรเถื่อนต้องรับผิดชอบตัวเองและผมจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ยอมให้ใครอ้างองค์กรเลวๆที่ทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันได้มีที่ยืนบนผืนแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาด” นายเสกสกล กล่าว

นอกจากนี้ นายเสกสกล ยืนยันเห็นด้วยกับนิด้าโพลที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการควบคุม NGO โดยประชาชนส่วนใหญ่อยากให้การออกกฎหมาย NGO ห้ามทำกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่ายังมี NGO บางองค์กรอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มต่างๆอยู่ ประชาชนจึงอยากให้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่ม NGO เหล่านี้เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและประเทศชาติ

“ผมเห็นว่า NGO ที่เคลื่อนไหวร่วมกับม็อบสามกีบ และทำลายความมั่นคงคิดล้มล้างสถาบันเหล่านี้คือกลุ่มอันตรายที่สุด ที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่ปกป้องประเทศชาติและสถาบันเบื้องสูงจะไม่มีวันยอมให้องค์กรเหล่านี้มีที่ยืนเพื่อเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวายป่วนบ้านป่วนเมืองเด็ดขาด ประชาชนจึงเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะต้องมีกฎหมายมาควบคุมกับ NGO เถื่อนๆให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย” นายเสกสกล กล่าว.