เมื่อวันที่18 ม.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุมได้พิจารณา รายงาน เรื่อง “บทวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม”ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ที่มีนายกล้าณรงค์ จันทิก ส.ว. เป็นประธาน กมธ. เสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานดังกล่าวชี้ชัดถึงกรณีที่ประเทศไทยได้รับการประเมินดัชนีรับรู้การทุจริต (ซีพีไอ) ขององค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ต่ำว่าคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานโลก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพราะพบว่ามีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ รวมถึงรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ ที่มีพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์จากการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบด้วยการเรียกรับสินบน สินน้ำใจ และใช้ทรัพย์สินของราชการและงบประมาณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง รวมถึงเลือกปฏิบัติในการใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน โดย กมธ.เรียกร้องให้เร่งจัดทำกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกับระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เพราะเป็นกฎหมายสำคัญตามแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ ส.ว.ได้สนับสนุนเนื้อหาดังกล่าวโดยนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. อภิปรายตอนหนึ่ง ว่า ตนตั้งข้อสังเกตุต่อการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องรอผู้ร้องถึงจะทำงาน โดยที่ผ่านมาพบการทำที่ขัดประโยชน์ส่วนรวมหลายประการเช่น การใช้ข้อมูลภายในราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องการนำโครงการสาธารณะลงเขตเลือกตั้งเพื่อหวังผลทางการเมือง รวมถึงกรณีที่เครือญาติของข้าราชการการเมือง ที่เข้าไปมีผลประโยชน์และการรับงานในโครงการต่างๆ จากทางราชการ เป็นต้น

“ที่ผ่านมาการปฏิวัติหรือเมื่อพูดถึงการปฏิรูปสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญคือ การทุจริต ซื้อสิทธิขายเสียง เพราะมองว่าการเลือกตั้งต้องทำให้สุจริตเที่ยงธรรม แต่ 7- 8 ปี จนถึงปัจจุบันมาพบว่าวงจรอุบาทว์ของการทุจริตเลวร้ายกว่าเดิมจะมีคนที่ออกมาพูด จนบางคนพูดตายคาสภา ยังแก้ไม่ได้ สิ่งที่ผมอยากฝากคือข้าราชการการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทับซ้อนกัน แน่นอนว่าคนทำธุรกิจต้องการเงินและหวังกำไร หาช่องว่างทางกฎหมายทุกเม็ดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์และกำไร ส่วนข้าราชการเกษียณที่รู้ช่องมักไปทำงานในบริษัทเอกชน ทั้งที่ข้าราชการของประเทศไทยทำงานเพื่อเกียรติ ศักดิ์ศรี ไม่ใช่หวังผลกำไร” นายวันชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายวันชัย อภิปรายต่อประเด็นดังกล่าวนายพรเพชร ทักท้วงขอให้สรุปการอภิปราย ทำให้นายวันชัย กล่าวว่า “ขออนุญาตจบเท่านี้ครับท่านประธาน”.