สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่าศาลกรุงจาการ์ตามีคำพิพากษา เมื่อวันพุธ ให้นายอาริส ซูมาร์โซโน หรือ “ซุลการ์เนน” วัย 58 ปี หนึ่งในแกนนำทางทหารคนสำคัญของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิเยาะห์ (เจไอ) รับโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ฐานมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุวินาศกรรมหลายจุด บนเกาะบาหลี เมื่อปี 2545 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 202 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย


ทั้งนี้ ซุลการ์เนนหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่นานเกือบ 2 ทศวรรษ จนกระทั่งจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จากปฏิบัติการบนเกาะสุมาตรา เมื่อเดือน ธ.ค.2563 นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนของอินโดนีเซียยังเชื่อด้วยว่า ซุลการ์เนนมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหน้าโรงแรมเจ.ดับเบิลยู.แมริออท ในกรุงจาการ์ตา เมื่อปี 2546 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 12 ศพ และส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ


อนึ่ง รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศให้เจไอเป็น “องค์กรนอกกฎหมาย” หรือ “องค์กรนอกรีต” เมื่อปี 2551 ขณะแกนนำเจไอหลายคนซึ่งถูกจับกุม ให้เหตุผลของการก่อการร้ายครั้งนั้น ว่าเพื่อตอบโต้การที่ออสเตรเลียสนับสนุนการแยกเอกราชของติมอร์เลสเต หรือติมอร์ตะวันออก นับตั้งแต่ผ่านพ้นเหตุวินาศกรรมที่เกาะบาหลี ศาลอินโดนีเซียสั่งประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มเจไอแล้ว 3 คน และทุกคนรับโทษแล้ว


อย่างไรก็ตาม การที่เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว อินโดนีเซียปล่อยตัวนายอาบู บาการ์ บาเชียร์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของเจไอ “ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม” หลังบาเชียร์รับโทษจำคุกเป็นเวลานาน 10 ปี และอยู่ในวัยชรามากแล้ว เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนัก จากนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ผู้นำออสเตรเลีย ซึ่งกล่าวว่าการได้รับอิสรภาพของบาเชียร์ สร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัว ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตชาวออสเตรเลีย จากเหตุก่อการร้ายบนเกาะบาหลี และเรียกร้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของอินโดนีเซีย ยังคงต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหวของบาเชียร์ “อย่างใกล้ชิดที่สุด” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปลุกระดมก่อเหตุซ้ำรอยอีก ไม่ว่ากับสถานที่แห่งไหน และในประเทศใดก็ตาม.

เครดิตภาพ : REUTERS