เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเคลื่อนขบวนของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และแนวร่วมจากเครือข่ายต่างๆกว่า 10 เครือข่าย ที่เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปทำเนียนรัฐบาล ที่ต้องไปใช้เส้นถนนนครสวรรค์ ผ่านแยกนางเลิ้ง เข้าถนนพิษณุโลก เพื่อมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาลแทนนั้น เป็นไปอย่างวุ่นวาย มีผู้ชุมนุมบางส่วนโดนแก๊สน้ำตา ต้องหยุดล้างหน้าและดวงตา ขณะที่มวลชนบางส่วนไม่พอใจเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน จึงด่าทอและปาสิ่งของใส่ตามเส้นทางถนนนครสวรรค์

ทั้งนี้ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนผ่านแยกนางเลิ้งเข้าสู่ถนนพิษณุโลก มาถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล ก็หยุดลงที่บริเวณแยกพาณิชยการ ก่อนถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์ตั้งขวางเอาไว้ มีรถจีโน่ รถตู้ตำรวจ พร้อมด้วยแนวกั้นรั้วเหล็กและลวดหนาม แกนนำจึงขึ้นปราศรัย พร้อมย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และให้ผู้ชุมนุมที่พบเจอกระสุนยางให้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ในด้านหนึ่งมีการวางผืนผ้าไวนิลขนาดใหญ่สกรีนรูป พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมสาดสีแดงใส่ที่ใบหน้า

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะรื้อลวดหนามเพื่อเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล จึงถูกเจ้าหน้าที่ใช้น้ำและแก๊สน้ำตายิงใส่ เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ จนกลุ่มผู้ชุมนุมต้องล่าถอยออกไป กลุ่มมวลชลนำรถบรรทุก 6 ล้อ มาจอดขวางช่องทางการจราจรทั้งหมด 4 เลนเป็นแนวกั้นไม่ให้ทางเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายกำลังลงจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์ แยกพาณิชยการ เข้าประชิดกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถอยร่นไปรวมกลุ่มกันอยู่ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังมีการใช้แก๊สน้ำตายิงใส่มวลชนบางส่วนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับรถบรรทุกเป็นระยะๆ ก่อนรถบรรทุกจะเคลื่อนย้ายออกไป

ต่อมา เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ถอยร่นจากเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้จัดกิจกรรมเผาหุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยแกนนำระบุว่า เป็นการสะท้อนถึงการบริหารสถานการณ์โควิดที่ผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก