เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่ระเบียบวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องสถานการณ์โรคระบาดในหมู ที่รัฐบาลปกปิด การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) นาน 3 ปีสร้างผลกระทบ ทั้งราคาเนื้อหมูแพงขึ้น ผู้ค้ารายเล็กและรายกลางเจ๊ง ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่ได้รับความเสียหายแค่ 10 เปอร์เซ็นต์อยากถามว่าทำไมรัฐบาลจึงปกปิดโรคดังกล่าว จนทำให้ประโยชน์ไปตกกับผู้ค้ารายใหญ่ และรัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไรในระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อไม่ให้ราคาหมูแพง

ด้านนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ตอบกระทู้ ได้ชี้แจง ว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2562 เจอซากสุกรลอยน้ำในแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และได้ตรวจพิสูจน์ซากหมู เชื่อว่าเป็นโรคระบาดในสุกรที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องกำจัดด้วยการทำลายสุกร โดยผลแล็บยืนยันว่าไม่พบโรคเอเอฟเอส แต่เป็นโรคพีอาร์อาร์เอส ตนขอทำความเข้าใจว่าโรคในสุกรที่ตายจำนวนมาก คือ โรคเอเอสเอฟ, โรคพีอาร์อาร์เอส ระบบสืบพันธุ์ และระบบหายใจ และซีเอสเอฟอหิวาห์ในสุกร ซึ่งอาการของโรคนั้นเหมือนกัน และตายภายใน 1 วัน โดยเอเอสเอฟไม่มีวัคซีน ส่วนโรคพีอาร์อาร์เอส เกษตรกรไม่อยากฉีดวัคซีน เพราะยามีราคาแพง ส่วนซีเอสเอฟ ฉีดได้ทุกตัวเพราะราคาถูก ซึ่งโรคซีเอสเอฟเพิ่งถูกพบในปี 2565 ที่โรงฆ่าสัตว์ในจ.นครปฐม ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการปกปิด เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งระบบส่วนกรณีของหมูที่ตาย 270,000 ตัว ผลแล็ปบอกว่าเป็นโรคพีอาร์อาร์เอส

รมช.เกษตรฯ กล่าวอีกว่าปริมาณหมูในประเทศมี 19 ล้านตัว มีกลุ่มผู้เลี้ยงรวม 190,000 ราย ซึ่งแบ่งเป็นรายย่อยและรายเล็ก180,000 ราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง ประมาณ 4 ล้านตัว ขณะที่รายใหญ่ 200 ราย และ รายกลาง 3,000 ราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง 15 ล้านตัว ส่วนราคาหมูนั้น กรมการค้าภายในเป็นผู้กำหนดราคา ซึ่งราคาอาหารสัตว์และราคาลูกหมูเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อหมูแพง โดยพบว่าเดือน พ.ย.2564 ราคาต้นทุนการเลี้ยง 82 บาท เขียงหมูขาย 160 บาท แต่ในเดือน ธ.ค.2564- ม.ค.2565 ต้นทุนขึ้น 91 บาท ราคาหน้าฟาร์ม 110 บาท ราคาขายเนื้อแดง 215 บาท ทั้งนี้ การที่หมูตายมีส่วนทำให้เนื้อหมูแพง แต่ไม่ใช่ขาดหายไปเลย อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าข้าราชการไม่ได้ปกปิดเพื่อใคร เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร

ขณะที่ นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐมนตรีสรุปว่าไม่มีโรคเอเอสเอฟ และหมูไม่ได้หายไปไหน ทำให้ตนตกใจมาก เพราะสถานการณ์ชี้ชัดว่าเป็นการปกปิดเรื่องของโรคระบาดอย่างเป็นระบบตนจึงขอท้าพิสูจน์ให้ขนศพหมูมาตรวจอีกครั้ง ซึ่งรับประกันว่าเจอโรคเอเอสเอฟแน่นอน และเรื่องราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น ตนเชื่อว่ามีผู้ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล จากผู้ค้าที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู ซึ่งตนพร้อมพาไปแหล่งที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู

จากนั้น นายประภัตร กล่าวชี้แจงอีกว่าตนไม่ได้แกล้งเซ่อแต่บางที เราก็ตามไม่ทัน ส่วนการแก้ไขเรื่องราคาหมู กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอยู่ ขณะเดียวกัน วันนี้ตนต้องเอาตัวเลขสต๊อกหมูและเลขอื่นๆ ไปให้นายกรัฐมนตรีดูว่าเป็นอย่างไร เพื่อตัดสินใจในวันที่ 21 ม.ค.และได้กำชับปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดต้องส่งตัวเลข รวมกับกระทรวงมหาดไทยในวันพรุ่งนี้ (21 ม.ค.) ว่าสต๊อกหมูฟาร์มเล็กและฟาร์มใหญ่มีอยู่เท่าไหร่ จะได้ประเมินถูกว่าเรากินวันละ 50,000 ตัว ยังขาดอยู่เท่าไหร่ จำเป็นต้องนำเข้าหมูหรือไม่ เพื่อให้พอกับผู้บริโภค ราคาหมูจะได้ลง.