กรณี เฟซบุ๊กของ ทนายตั้ม หรือ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ระบุว่า คุณมนธิรา CEO บริษัทไทบ้านทีวี มาปรึกษาสามีที่อยู่กันมา 10 กว่าปี มีลูกด้วยกัน แอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านคนดังสุดสวยแห่งบึงกาฬ ภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างคุณมน จะมีสิทธิหรือดำเนินการร้องเรียนอะไรได้บ้าง รอฟังกันครับ ขณะเดียวกัน อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “คทาธร พิลาพงษ์” หรือ แม็ค รักแท้ ไทยนิยม โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า ได้เลิกกับภรรยาเก่าแล้ว ก่อนจะมาคบหากับ ผู้ใหญ่เหมียว ทั้งยังจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

‘ทนายตั้ม’ พา ‘ซีอีโอสาว’ หอบหลักฐานเด็ดร้องผู้ว่าฯ งัดสอบ ‘ผู้ใหญ่บ้านดัง’จดทะเบียนกับผัว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. น.ส.มนธิรา มูลกระแส อายุ 33 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ไทบ้านทีวี ช่อง 83 เดินทางมาพบกับทีมงานทนายประชาชน ก่อนกลับต่างจังหวัด พร้อมกับขอให้สัมภาษณ์เปิดใจอีกครั้งถึงกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนกับ ผวจ.บึงกาฬ ผ่านปลัดจังหวัด เพื่อขอให้ตรวจสอบความประพฤติของผู้ใหญ่บ้านสาว คู่กรณีที่เป็นข่าวขณะนี้ ซึ่งภายหลังจากยื่นหนังสือแล้วยังคงมีกระแสดราม่าเข้ามา ทำให้รู้สึกค่อนข้างเครียดกับปัญหาดังกล่าว อีกทั้งยังต้องการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนแก่สังคมในมุมของผู้ถูกกระทำอีกด้วย

น.ส.มนธิรา เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมองว่าแม้จะเป็นเรื่องปัญหาในครอบครัว แต่ที่ต้องยื่นหนังสือถึงผวจ.บึงกาฬ ก็เพราะแค่ต้องการให้ผู้เป็นนายโดยตรงของผู้ใหญ่บ้านสาว ตรวจสอบพฤติกรรมความเหมาะสมของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น แต่ในเรื่องส่วนตัวระหว่างตนกับพี่รักแท้ ขอยืนยันตรงนี้ได้เลยว่า “ตนไม่ได้ต้องการสามีคืนแต่อย่างใด ใครอยากได้ก็เอาไป” เพราะวันนี้รู้สึกเจ็บช้ำมากกับสิ่งที่ทำกับเรา ทั้งร่วมกันโกหกเรา ร่วมกันโกหกสังคม ทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกสังคมโจมตี โดยที่สังคมก็ยังไม่ได้ฟังความจากปากเราเลยด้วยซ้ำไป

น.ส.มนธิรา เผยอีกว่า สิ่งที่ทำให้เจ็บสุดๆ คือ คนที่อยู่กับเรามานานมากกว่า 10 ปี การทะเลาะกันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาของสามีภรรยาเสมือนลิ้นกับฟัน ที่ผ่านมาเมื่อทะเลาะกันแล้วก็หันหน้ามาพูดคุยกันเข้าใจกัน แต่หนนี้เขาแอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาว แล้วยังยอมให้ผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งความเราอีก ซ้ำยังไปบอกกับสังคมว่าเลิกกับเรามานานแล้ว ทั้งๆ​ ที่เมื่อกลางปี 64 ยังทำบุญร่วมกันอยู่เลย ขณะที่พ่อแม่ผู้ใหญ่สาวก็บอกว่าพี่รักแท้กับลูกสาวของเขาคบกันมาปีกว่าแล้ว แสดงว่าทั้งสองคนแอบคบซ้อนในช่วงที่รักแท้ยังอยู่กับตนฉันสามีภรรยา

เปิดแชต CEO สาว เคลียร์ใจ ‘ผู้ใหญ่เหมียว’ ฝั่ง ‘แม็ค รักแท้’ ฟาดชัด ลั่นไม่ขอกลับคืนดี

ซึ่งในส่วนที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าแจ้งความตนในข้อหาผิด​ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ตนก็อยากรู้ว่าเขาทำไปทำไม ได้สามีเราไปแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก จะเอาเราเข้าคุกให้ได้ใช่หรือไม่ เหมือนเราไปทำความผิดอะไรไว้มากมาย ทั้งๆ ที่เราก็มีลูกถึง 3 คน​ ที่ต้องดูแล แต่ก็ยังนับเป็นโชคดีที่ภายหลังจากที่เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านสาวได้แจ้งความร้องทุกข์แล้วนั้น เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ โดยจะต้องมีการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้ง

น.ส.มนธิรา บอกว่า เข้าใจว่าระหว่างมนกับรักแท้ มันจบไปแล้ว มนพลาดเองที่เชื่อใจ และก็ไม่คิดว่าเค้าจะทำกับมนได้อย่างนี้ ที่รักแท้ออกมากล่าวหามน ว่ามนจดทะเบียนกับคนอื่นอยู่ มนบอกตรงนี้เลยว่า เขาตั้งใจโกหก เพื่อให้คนประณามมน เขารู้ความจริงข้อนี้ดีกว่าใคร มนเลิกกับสามีเก่าที่เป็นคนอิตาลีมา 15 ปีแล้ว หย่าถูกต้องที่อิตาลี หลังจากนั้นอีก 2 ปี ก็มาเจอพี่รักแท้ มนไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการอะไร มนไม่ใช่ผู้หญิงพูดเก่ง พูดหวานๆ​ ไม่เป็น ทุกวันนี้ก็ทำงานให้ครอบครัว ให้ลูก ให้พี่รักแท้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องทำงาน ของทุกอย่างที่เป็นหนี้ก็มีแต่ชื่อมน พอของซื้อเงินสด ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน พี่ก็ใส่ชื่อตัวเองหมด มนไม่เคยคิดจุกจิกเรื่องพวกนี้เลย บ้านใหม่ที่สร้างก็หลายสิบล้าน ถ้ามนเลิกกับพี่จริง แล้วมนจะสร้างบ้านทำไม

“ขณะเรื่องที่มนต้องไปร้องผู้ว่าฯ ก็เพราะภรรยาใหม่พี่แจ้งความมน จะเอามนติดคุก แล้วมนก็อยากให้ตรวจสอบว่าการที่ใส่เครื่องแบบแบบนี้ แต่มายุ่งกับพี่รักแท้ มันได้เหรอ อย่าบอกว่าไม่รู้ว่ามนยังอยู่กับพี่รักแท้ บ้านผู้ใหญ่กับบ้านมนใกล้กันแค่นี้ แล้วหลังจากที่มนให้ข่าวไป ลูกน้องมนเพิ่งจะยอมบอกว่า เจอผู้ใหญ่มาอยู่ที่บ้านมนตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ที่ไม่ยอมบอกก่อน เพราะลูกน้องไม่อยากให้เลิกกันจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมามนยอมรับว่ามนทำแต่งาน อาจจะไม่มีเวลา ไม่หวาน เหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่ทุกอย่างที่มนทำ มนทำเพื่อครอบครัว มนทำเพื่อลูก”

CEO ไทบ้านทีวี เปิดใจทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ มีสื่อบางประเภทไม่เข้าใจ นำความที่ได้ฟังจากข้างเดียวไปลงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของตนและครอบครัว ซึ่งก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า วันนี้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องเอาสามีคืน ผู้ชายคนเดียวใครอยากได้ก็เอาไป ส่วนตัวแล้วมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่รั้งคนที่ไม่รักเราและไม่นำมาเป็นสิ่งบั่นทอนทำให้หมดกำลังใจในการสู้ชีวิต เพราะวันนี้เราล้มไม่ได้ ยังต้องเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คน โดยลูกๆ​ แม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็รู้ว่าลูกจะอยู่เป็นกำลังใจให้แม่สู้ต่อไป วันนี้ขอให้สังคมหยุดดราม่าใส่ตนได้แล้ว เพราะไม่ได้คิดแย่งผู้ชายกลับคืนมาอย่างแน่นอน และอยากฝากบอกว่าถ้าผู้ใหญ่สาวไม่แจ้งความตนเองก่อน ก็ไม่ยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬให้ตรวจสอบความประพฤติของเขาเช่นกัน ต่างคนก็ต่างอยู่กันไปเรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น.