จากกรณี แฮชแท็ก #แบนfoodpanda พุ่งติดเทรนด์อันดับที่ 1 หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์คลิปเหตุการณ์ในการชุมนุมเมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) โดยมีผู้ชุมนุมบางราย พยายามวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมทั้งโพสต์คลิปต่อมาอ้างเป็นเบาะแสของชายผู้ก่อเหตุ ขี่รถ จยย.มาพร้อมหญิงรายหนึ่ง โดยท้ายรถ จยย.ที่มีกล่องใส่อาหารสีชมพูของฟู้ดแพนด้า (Foodpanda) ทำให้ทวิตเตอร์ฟู้ดแพนด้า foodpanda Thailand @foodpanda_th ออกมาระบุว่า จะเร่งดำเนินการตามกฎระเบียบขั้นเด็ดขาดของบริษัท โดยให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานทันที จนกิดแฮชแท็ก #แบนfoodpanda และพร้อมทั้งลบแอพพลิเคชั่นฟู้ดแพนด้าออกจากมือถือ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

แบนfoodpandaกระหึ่มทวิตเตอร์ ปมไม่สอบสวน-จ่อไล่ออกพนักงานก่อเหตุในม็อบ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก เกิดแฮชแท็ก #แบนfoodpanda ขุึ้นเทรนอันดับ 1 ในโลกทวิตเตอร์นั้น กระแสความไม่พอใจยังลุกลามต่อเนื่อง โดยชาวเน็ตบางส่วนได้พากันลบแอพพลิเคชั่นฟู้ดแพนด้าออกจากมือถือ พร้อมเน้นย้ำว่า อย่าลืมลบบัญชีออกด้วย อย่างไรก็ตามช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ชาวเน็ตต่างพากันออกมาระบุว่า แอพฟู้ดแพนด้า ได้ถอดปุ่มตัวเลือก “ลบบัญชี” ออกไปจากแอพ ทำให้กระแสความไม่พอใจกลับมารุนแรงอีกครั้ง จนทางแอพฟู้ดแพนด้า ต้องนำปุ่มตัวเลือกดังกล่าวกลับมาให้ใช้ตามเดิม

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวยังบานปลาย มีผลกระทบตามมาต่อเนื่อง เมื่อบรรดาร้านอาหารนับสิบร้าน ต่างพากันออกมาระบุตามช่องทางโซเชียลของร้านตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือ ทวิตเตอร์ ว่า ยกเลิกการส่งอาหารให้ลูกค้าทางฟู้ดแพนด้า ให้ไปสั่งอาหารผ่านผู้ให้บริการเจ้าอื่นแทน

กระทั่งล่าสุดช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ และทวิตเตอร์ “foodpanda” ได้โพสต์ข้อความว่า “เราขออภัยสำหรับข้อความจากทีมงานที่โพสต์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าเราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างระมัดระวังที่สุด ก่อนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในลำดับต่อไป”

พร้อมกับโพสต์รูปภาพซึ่งมีข้อความระบุว่า “เรายังคงตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราขออภัยอย่างสูงสำหรับการตอบกลับคอมเมนต์และการตัดสินใจไม่ละเอียดถี่ถ้วนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทีมงานยังคงตรวจสอบข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น
เราเสียใจที่ทำให้ผู้บริโภคทุกท่านและร้านค้าพันธมิตร ผิดหวังกับการแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างระมัดระวังที่สุด ก่อนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในลำดับต่อไป”