เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 22 ม.ค.ที่ สนามกีฬาชุมชนเสนานิคม 2 พหลโยธิน 32 กรุงเทพฯ นายกรุณพล หรือเพชร เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้มาปราศรัยใหญ่ โดยนายธนาธร กล่าวว่า ขอบคุณที่มาร่วมรับฟังการปราศรัยใหญ่ของนายกรุณพลวันนี้ เพราะการเลือกตั้งที่จะถึงในวันที่ 30 ม.ค.นี้มีความสำคัญมาก เป็นวันสำคัญที่ประชาชน จะได้ตัดสินใจว่าอยากจะได้พรรคการเมืองแบบไหนในสภา ส่วนตัวคิดว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกลในวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเราเป็นพรรคที่กล้าชนกับความอยุติธรรม เป็นพรรคที่กล้าตรวจสอบความไม่ถูกต้อง โดยยึดหลักเป็นประโยชน์สูงสุดคือของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบกองทัพ การตรวจสอบทุนผูกขาด ดังนั้นประชาชนมีโอกาสเลือกว่าพรรคแบบนี้ยังจำเป็นอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ประเทศไทยควรจะมีพรรคการเมืองแบบนี้อยู่หรือไม่ ประชาชนเป็นคนกำหนด ขอวิงวอนประชาชนสนับสนุนนายกรุณพลในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ด้วย

“ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ จนถึงพรรคก้าวไกลประชาชน ทั่วประเทศก็เห็นแล้วว่าเราถูกยุบพรรค ถูกดำเนินคดี ถูกกล่าวหาใส่ร้ายไม่เป็นธรรมมากมาย เพราะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเผด็จการ ต่อสู้กับความยุติธรรม ดังนั้นจึงอยากจะเรียนประชาชนว่าเราไม่มีอำนาจเรา ไม่มีรถถัง เราไม่มีปืน มีอย่างเดียวที่จะปกป้องพวกเราได้คือเสียงของประชาชน ดังนั้นในการเลือกตั้งวันที่ 30 ม.ค.ขอประชาชนออกมาปกป้องเราด้วย” นายธนาธร กล่าว

ด้านนายกรุณพล กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจมากเพราะจากการลงพื้นที่หาเสียงมาครบทุกตรอกซอกซอยแล้ว การปราศรัยใหญ่พรรควันนี้ประชาชนจะได้เห็นวิสัยทัศน์ของตน และวิสัยทัศน์ของพรรค ซึ่งส.ส. แต่ละคนก็จะมาพูดถึงวิสัยทัศน์ของตัวเองที่จะนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า จึงขอฝากประชาชนว่าในวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.นี้ อีก 7 วันเราจะมีการเลือกตั้งใหญ่ ก็ขอให้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง เลือกพรรคก้าวไกลกันเยอะ ๆ  ส่งเสียงให้รัฐบาลได้รู้ว่าเราไม่ต้องการการบริหารประเทศแบบไร้วิสัยทัศน์อีกแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าจุดแข็งของตนคือ การรับรู้ปัญหาของคนในพื้นที่ดี เพราะอยู่ในพื้นที่นี้มามากกว่า 23 ปีทำธุรกิจ เรียน อยู่ในวงการบันเทิงมาอีกกว่า 20 ปี ประชาชนไว้ใจคงได้รับฟังปัญหาของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด  ลึกซึ้งไม่มีผลประโยชน์ เวลามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็จะบอกเราตรงที่เป็นตัวแทนแก้ไขปัญหาชาวบ้าน แต่เรารู้แล้วว่าการพูดอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จะต้องลงมือทำด้วยความตั้งใจจริง

ส่วนที่กังวลคือการซื้อเสียง แล้วไม่มีหน่วยงานเข้ามาจัดการให้ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ไม่กังวลว่าจะมาตัดคะแนนเสียง เพราะเชื่อว่าประชาชนฉลาดพอที่จะรู้ว่าเงินแค่ 500 บาท 1,000 บาท  1,500 บาทที่ได้รับนั้น เป็นเพียงเศษเงินที่คนที่ให้เงินนั้นจะไปต่อยอดเอางบประมาณเข้ากระเป๋าตัวเอง

ดังนั้นเชื่อว่าประชาชนฉลาดไม่คิดว่าเงินเท่านี้ไม่คุ้มค่าต่อตัวเราและอนาคตของลูกหลานเรา ทั้งนี้เรื่องแรกที่จะทำคือการฉีดวัคซีน เพราะโอมิครอนระบาด แต่ในชุมชนจะเห็นว่ามีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง อยู่จำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนได้  เพราะการเดินทางมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นขอความกรุณา กระทรวงสาธารณสุขจัดทีมเคลื่อนที่เร็ว ไปทำทะเบียนและ ฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน เพื่อเซฟค่าใช้จ่ายและเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น