เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า การเปิดเพลงอย่ายอมแพ้ของ พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงแพ้แล้ว นายกรัฐมนตรีที่สู้กับลูกน้องตัวเอง แล้วอาการหนักถึงขั้นเปิดเพลงคร่ำครวญในวงประชุม คือภาวะหมดสภาพ
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับฝ่ายอื่นเลย ทั้งหมดคือความขัดแย้งในรัฐบาล แม้จะประกาศสู้ก็เป็นการสู้เพื่อรักษาอำนาจ โดยมีประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวประกัน


การเมืองถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งอยู่นานยิ่งประจานตัวเอง ไม่ยอมก็แตกหัก ปรับ ครม.ก็เชื่อว่าแผลลึกขนาดนี้คงทำงานกันไม่ได้ 3 ป.ที่เคยเป็นจุดแข็งกลายเป็นจุดดับ พล.อ.ประวิตรแตกหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็น ”น้องในค่าย” เลือกเดินกับ พล.ต.อ.พัชรวาทซึ่งเป็น ”น้องในไส้” และกลุ่มการเมืองในพรรคที่เป็นหน่วยขึ้นตรง
ถ้า 8 ปีที่ผ่านมาทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงจะไม่เกิดสถานการณ์นี้ ที่กำลังเป็นอยู่น้ำเน่ายิ่งกว่าการเมืองของนักการเมืองทั่วไป สิ่งที่เกิดขึ้นมุมหนึ่งคือการต่อรองเก้าอี้ แต่มองถึงที่สุดคือพวกเดียวกันเองลงมือไล่ ในฐานะที่ 1 ของรุ่น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะคิดได้
ของแพง หนี้ท่วม ชาวบ้านจนกรอบไม่มีกิน แต่รัฐบาลมัวแย่งเก้าอี้กันเอง นายกฯก็ร้องเพลงเรื่อยเปื่อย เราจะรอดจากวิกฤตได้อย่างไร