เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวกรณีพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 ว่า จากการเก็บข้อมูลการถอดรหัสพันธุ์กรรมทั้งตัวของเชื้อโควิด-19 และได้ส่งข้อมูลไปที่ GISAID วันที่ 19 ม.ค. พบโอมิครอน BA.2 ทั้งหมด 14 ราย มาจากต่างประเทศ 9 ราย ติดเชื้อในประเทศ 5 ราย ส่วนเรื่องอาการนั้น ในจำนวนผู้ติดเชื้อ14 ราย มี 1 ราย เสียชีวิต เป็นหญิงสูงอายุ มีโรคประจำตัวป่วยติดเตียง ที่ภาคใต้ ดังนั้นยังบอกไม่ได้ว่ารุนแรงกว่าสายพันธุ์ BA.1 หรือไม่ แต่จากการส่งไปผล7,000 ตัวอย่างที่เป็นเชื้อโอมิครอนให้กรมการแพทย์ติดตามพบเสียชีวิต 7 ราย คิดเป็น 0.1% ถือว่าอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ

เมื่อถามว่าทั่วโลกมีโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 มากน้อยแค่ไหน นพ.ศุภกิจ กลาวว่า ตามที่มีการรายงานเข้าระบบ GISAID เป็น BA.2 จำนวน 2.1 หมื่นราย ส่วน BA.1 จำนวน 4.2 แสนราย หรือ 1 ใน 40 เศษๆแต่จะใช้สัดส่วนนี้ 100% ไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีการติดเชื้อโอมิครอนทั่วโลกนับล้านคน และขอย้ำให้กลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุฉีดวัคซีน เพื่อลดความรุนแรง

เมื่อถามถึงการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ชายแดนนั้นก็ต้องมีการสุ่มตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทุกคนต้องช่วยกันเพราะลักลอบข้ามแดนไม่ตรวจอะไรเลยนั้นน่ากลัว จะเจอเมื่อป่วยแล้วไม่ช่วยอะไร ดังนั้นขอความร่วมมืออยากให้ทุกคนเข้มงวด รวมถึงคนจะนำเข้าแรงงานเถื่อนต้องเข้าใจหลักการตรงนี้.