เมื่อวันที่ 26 ม.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมททอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวชื่นชมผลสำเร็จของการเดินทางไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย กลับมาเป็นปกติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเร็วๆ นี้ จะมีการแต่งตั้งเอกอัคราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ และกลไกในการหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับทวิภาคี พร้อมพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทางซาอุดีอาระเบียมีโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ทั้งในด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวและด้านแรงงานจำนวนมาก และยังต้องการจัดหางานฝีมือดี 8 ล้านคน จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะได้มีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือด้านต่างๆ ในอนาคต ทั้งด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางไซเบอร์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาอีกด้วย

ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแกล้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าต่างประเทศไม่ยอมรับ และไม่มีความเชื่อมั่นประเทศไทย โดยระบุว่าการฟื้นสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบียนั้น เพราะซาอุฯ ต้องการเปิดประเทศอยู่แล้วนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกลยุทธในทางการเมือง เพื่อหวังด้อยค่าผลงานของนายกรัฐมนตรี เพราะอาจจะรู้สึกเสียหน้า ที่รัฐบาลยุคทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไม่ได้ พร้อมยืนยันกว่าจะมาถึงวันนี้ต้องยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นผลของความพยายามทุ่มเทตั้งใจของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ภายใต้การเอาใจใส่และติดตามอย่างใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานจริง ผลักดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปี โดยเริ่มต้นจากวงหารือ 3 ฝ่าย ในระหว่างประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) เมื่อปี 2559 ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ใช่ดีแต่พูดเพื่อสร้างกระแสไปวันๆ เพราะภาพประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นอย่างปุบปับกะทันหัน แต่มีที่มาที่ไปอย่างละเอียดอ่อน

“ที่น่าผิดหวัง คือการประดิษฐ์วาทกรรม ‘คนขี่อูฐยังคิดเป็นเลย แต่คนขี่ควายคิดไม่เป็น’ ของ นพ.ชลน่าน ที่เป็นถึงผู้นำฝ่ายค้าน แต่ไม่หาข้อมูลรอบด้านก่อนวิจารณ์ อย่างไรก็ตามวาทกรรมของ นพ.ชลน่าน จึงน่าจะสื่อสารถึงพรรคเพื่อไทยเสียมากกว่า เพราะวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่านายกฯ จริงจัง ตั้งใจ ติดตามอย่างละเอียดรอบคอบและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง” น.ส.ทิพานัน กล่าว.