เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ พร้อมด้วย พล.ร.ต.วิฉณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ น.ส.พรพิมล เจริญส่ง ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ นายพิทักษ์ วัฒนพงศ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า และ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากเหตุน้ำมันจากท่อน้ำมันใต้ทะเลรั่วที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

พล.ร.ท.ปกครอง เปิดเผยว่ากองทัพเรือได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) ทำหน้าที่อำนวยการกำกับการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทัพเรือภาคที่ 1 ได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนขึ้นบินสำรวจคราบน้ำมันทางอากาศและจัดเรือ ต.273 กับเรือ ต.228 ออกตรวจสอบคราบน้ำมันบนผิวน้ำ นอกจากนั้นได้จัดเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ ขึ้นบินตรวจสอบทิศทางการรั่วไหลของคราบน้ำมัน รวมถึงนำสารเคมี DASIC international SLICKGONE ขึ้นไปโปรยบริเวณพื้นที่เกิดเหตุหน้าท่าเรือมาบตาพุด นอกจากนั้นยังได้เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์พร้อมในการสนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ในการขจัดคราบน้ำมัน

ด้าน พล.ร.ต.วิฉณุ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการต่อไปได้วางแผนการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ (1) การขจัดกลุ่มคราบน้ำมันขนาดใหญ่ ดำเนินการโดยใช้ทุ่นลอบกัก แล้วใช้เครื่องดูดหรือ Skimmer ดูดคราบน้ำมันซึ่งถือว่าเป็นสารพิษอันตราย จากทะเลสู่ถังเก็บ แล้วนำส่งกรมอุตสาหกรรมเพื่อทำการทำลายต่อไป (2) สำหรับในส่วนของการขจัดกลุ่มคราบน้ำมันที่มีทิศทางการเคลื่อนที่ที่เป็นอันตรายต่อชายฝั่งและพื้นที่เปราะบางดำเนินการโดยใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงทิศการเคลื่อนที่ให้ออกห่างจุดเปราะบางไปสู่ทะเลเปิด แล้วทำการล้อมดักและดูดไปทำลายตามกระบวนการต่อไป

สำหรับแผนการขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง แบ่งเป็น 2 ลักษณะ โดยแยกเป็นพื้นที่ชายฝั่งในทะเลได้ประสานกับทางจังหวัด ในการใช้ทุ่นล้อมกันขึ้นฝั่ง ไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นสู่ชายฝั่งซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก พื้นที่ชายฝั่งบนบกบริเวณที่เป็นหินจะใช้การฉีดน้ำให้คราบน้ำมันรวมตัวกัน แล้วตักเก็บไปทำลายบริเวณที่เป็นหาดทรายจะใช้รถแบ๊กโฮตักคราบน้ำมันที่ปะปนกับทรายแล้วนำไปทำลาย ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 5 วัน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อถามว่า ตัวเลขการรั่วไหลน้ำมับดิบที่บริษัทฯแจ้งว่ามีกว่า 4 แสนลิตร แต่เหตุใด รมว.ทรัพยกรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมระบุว่า มีเพียง 2 หมื่นลิตร พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพเรือได้ส่งเครื่องบินขึ้นสำรวจลาดตระเวนทั้งทางอากาศ และส่งเรือดูพื้นที่ผิวน้ำด้วย จากตามที่คาดการณ์ไว้นั้น ปัจจุบันพบว่าลดลงเยอะ และเหลืออยู่ประมาณ 2 หมื่นลิตร จากการสำรวจข้อเท็จจริง น่าจะเบากว่าที่เราคาดการณ์ไว้

เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าคราบน้ำมันจะไม่มาถึงหาดแม่รำพึงในวันที่ 28 ม.ค. พล.ร.ต.วิฉณุ กล่าวว่า จะพยายามในการล้อมวงไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นฝั่ง คาดว่าจะสามารถป้องกันได้ แต่หากขึ้นหาดก็เชื่อว่าไม่มากนัก และเรามีแผนรับมือ.