สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตกูซิกัลปา ประเทศฮอนดูรัส เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ว่า นางซิโอมารา คาสโตร สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของฮอนดูรัส เมื่อวันพฤหัสบดี โดยคาสโตร วัย 62 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศ หลังชนะการเลือกตั้ง เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว


ขณะเดียวกัน คาสโตรยังเป็นภรรยาของอดีตประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา หมายความว่า ตลอดระยะเวลาอีกอย่างน้อย 4 ปีนับจากนี้ อดีตผู้นำฮอนดูรัสกลับคืนสู่สายตาของสังคมอีกครั้ง ในฐานะ “สุภาพบุรุษหมายเลขหนึ่ง” ของประเทศ

ประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร ผู้นำฮอนดูรัส และอดีตประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา


ทั้งนี้ ผู้นำหญิงของฮอนดูรัสให้คำมั่นเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเธอกล่าวว่า “เป็นมรดกตกทอดก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” โดยปริมาณหนี้สาธารณะของฮอนดูรัสเพิ่มขึ้น 7 เท่า ตลอดดระยะเวลาที่ฮอนดูรัสอยู่ภายใต้การบริหารของผู้นำอีกสองคนก่อนหน้า ปัจจุบัน ปริมาณหนี้สาธารณะของฮอนดูรัสแตะระดับที่ 15,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 515,739.25 ล้านบาท ) คิดเป็นเกือบ 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี )


แม้คาสโตรยืนยันว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ จะไม่ใช่การประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้กับบรรดาผู้ให้กู้ยืม แต่เธอยังไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก อย่างไรก็ตาม เธอเน้นว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต “ต้องไม่ใช่ผู้รับผิดชอบหลัก” และกล่าวถึงการยกระดับโครงข่ายไฟฟ้าในฮอนดูรัส เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนได้เข้าถึงกระแสไฟฟ้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร ผู้นำฮอนดูรัส
นายไล่ ชิง-เต๋อ รองประธานาธิบดีไต้หวัน มอบอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่ประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร ผู้นำฮอนดูรัส


นอกจากนี้ นโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฮอนดูรัส จะเป็นที่น่าจับตาอย่างมากในยุคของคาสโตร ซึ่งก่อนหน้านั้นส่งสัญญาณการสถาปนาความสัมพันธ์กับจีน แต่ตอนนี้เธอรักษาท่าทีกับประเด็นดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่หนึ่งในแขกกิตติมศักดิ์ของพิธีสาบานตน รวมถึงนายไล่ ชิง-เต๋อ รองประธานาธิบดีไต้หวัน และนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ.

เครดิตภาพ : REUTERS