“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย”ได้รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง โดยเงินบาทอ่อนค่า สวนทางเงินดอลลาร์ ที่ได้รับแรงหนุน ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้แม้ผลการประชุมเฟดในรอบที่ผ่านมาจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่กรอบ 0.00-0.25% ตามเดิมตามที่ตลาดคาด แต่ถ้อยแถลงและท่าทีของประธานเฟดภายหลังการประชุมออกมาในเชิงคุมเข้มและกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อมากขึ้น

ซึ่งทำให้ตลาดประเมินว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ พร้อมกับเริ่มลดงบดุลเร็วกว่าที่คาด เพื่อสกัดแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐ ทั้งนี้ในวันศุกร์ (28 ม.ค.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.40 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.96 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (21 ม.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (31 ม.ค.-4 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินไทยเดือน ธ.ค. ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ม.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานเดือน ธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/64 ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ม.ค. ของยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน