เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2565 ระหว่างเดือน ต.ค. 64-ม.ค. 65 พบสถิติการหลบหนีของผู้ต้องขังทั้งหมด 19 ครั้ง มีผู้ต้องขังหลบหนี 76 คน โดยเป็นการหลบหนีจากการกักโรคโควิด-19 และโรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ ไม่ใช่การหลบหนีจากภายในเรือนจำ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการติดตามตัวอย่างรวดเร็วและสามารถจับกุมได้ทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่ทำให้หลบหนีได้สำเร็จมีปัจจัยจากลักษณะทางกายภาพของสถานที่ที่ใช้ในการกักตัวผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และผู้ต้องขังเข้าใหม่บางส่วนเป็นผู้ต้องขังที่มีกำหนดอัตราโทษสูง การนำตัวผู้ต้องขังกักโรคภายนอกเรือนจำจึงมีความเสี่ยง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางแก้ไขในระยะสั้น จะมีการนำตัวผู้ต้องขังรับใหม่เข้าไปกักตัวในห้องกักโรคภายในเรือนจำ ปรับปรุงห้องกักโรคที่หน้าเรือนจำโครงสร้างเบาและสถานตรวจพิสูจน์ ให้มั่นคงแข็งแรง ส่วนในระยะยาวกรมราชทัณฑ์ต้องจัดระบบเรือนจำ โดยอาจกำหนดให้มีเรือนจำหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพื่อทำหน้าที่ในการรับตัวผู้ต้องขังเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้เวลาแก้ปัญหาเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ หากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเราก็ต้องมานั่งแก้ตลอดเวลาปัญหาก็ไม่จบ

“ผมขอกำชับผู้บริหารระดับสูงทุกคน ต้องแก้ปัญหานี้อย่าให้เกิดเรื่องในลักษณะนี้ เพราะสถิตินั้นถือว่าสูงมากเพียงไตรมาสเดียวก็สูงกว่าสถิติของปีก่อน และผมไม่อยากให้มีการหลบหนีแล้วมีการยึดแดนทำร้ายนักโทษหญิง หรือออกไปทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้าน ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ หากเกิดเหตุขึ้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทุกเรือนจำต้องเตรียมความพร้อมรับมือ เพราะโควิด-19 ยังอยู่กับเราอีกนาน ดังนั้น เรื่องของสถานที่ต้องปรับปรุงให้มั่นคงแข็งแรงและจัดเวรยามให้เพียงพอ หากยังขาดงบประมาณในส่วนใดก็ให้รีบทำเรื่องเข้ามา” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถิติผู้ต้องขังทั้งหมดในเรือนจำ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.65 มีจำนวน 279,812 คน โดยขณะที่ตั้งแต่เดือน ต.ค.64-วันที่ 30 ม.ค.65 กรมราชทัณฑ์รับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่รวมทั้งสิ้น 55,956 คน.