เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Chao Meekhuad เรื่อง หยุดใช้กรรมาธิการ ป.ป.ช. พร่ำเพรื่อ มีเนื้อหาระบุว่า ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวครึกโครมเกี่ยวกับกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ทำการสอบปมนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง (สจล) ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ฐานร่ำรวยผิดปกติ จนเกิดคำถามว่า มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ เพราะช่วงเวลาจะ “เป๊ะ” กับในห้วงที่ปี่กลองเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กระหึ่มพอดีว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยที่ผู้อาสามาเป็นผู้แทนไม่ว่าจะระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ แต่ที่อยากติงไว้เพื่อไม่ให้มีการนำกรรมาธิการฯไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง เพราะอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการ ป.ป.ช.ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 ที่กำหนดไว้ใน (22) ระบุว่า คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ มีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการ และมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ไม่ใช่สอบสวนว่าใครผิดใครถูกตามที่กรรมาธิการ ป.ป.ช.กระทำต่อ ดร.สุชัชวีร์ เพราะอำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นของ ป.ป.ช.โดยตรงอยู่แล้ว มิเช่นนั้นจะมี ป.ป.ช.ไว้ทำไม ผมจึงมองว่ากรรมาธิการฯ กำลังทำหน้าที่ซ้อนกับองค์กรอิสระ

“จึงขอเตือนให้กรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้เข้าใจในกระบวนการและบทบาทอำนาจหน้าที่ของตนเองให้ถูกต้อง อย่าใช้ตำแหน่งกรรมาธิการพร่ำเพรื่อ หรือใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวและพวกพ้อง เพราะจะนำไปสู่ความเสื่อม และความถดถอยของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องทำงานเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนและออกกฎหมายเพื่อชาวบ้าน สุดท้ายผมยืนยันอีกครั้ง ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ไม่ว่าจะชื่ออะไร ถูกตรวจสอบได้ และต้องพร้อมให้ตรวจสอบ แต่คนทำหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องให้ถูกฝา ถูกตัว อย่าอ้างการตรวจสอบมาเป็นเครื่องมือในการทำลายคนอื่น” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย