เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns และอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ โพสต์ข้อความผ่าน อันว่าความเป็นกลาง

ว่าจะไม่พูดแล้วเรื่องที่ผมไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร แต่พอดีเห็นมีคนไปคอมเมนต์ข่าวเรื่องนี้ว่า ผมไม่ได้เป็นกลางเสียแล้ว ก็เลยขอนำมาคุยสักนิดนะครับ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมนึกไม่ออกว่าเคยพูดที่ไหนว่าผมเป็นกลางนะครับ และที่บอกว่าผมไม่เป็นกลางนี้ จะให้เป็นกลางระหว่างอะไรกับอะไร และก็เลยนึกถึงคำพูดของท่านเดสมอน ตูตู พระคาร์ดินาลชาวแอฟริกาใต้ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ว่า “ถ้าเราเป็นกลางในสถานการณ์แห่งความอยุติธรรม นั่นคือเราเลือกอยู่ข้างผู้กดขี่ข่มเหงนั่นเอง”

และทุกวันนี้ก็เห็นคนที่ชอบพูดว่าตัวเองเป็นกลาง หลายคนก็มักจะเคยเป็นพวกที่ไปเป่านกหวีดมาก่อน แต่พอเห็นความวิบัติที่ตามมาก็บอกว่าเดี๋ยวนี้ฉันเป็นกลาง เลิกยุ่งการเมืองแล้ว อะไรประมาณนั้น

ผมเองไม่ได้คำนึงเรื่องความเป็นกลางมากเท่ากับเรื่องของความถูกต้อง ความยุติธรรม ความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งถ้าขาดซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว สังคมของเราก็ไม่มีทางที่จะเป็นสังคมที่ดีได้ และทุกวันนี้สังคมของเรายังขาดสิ่งเหล่านี้อีกมาก ผมจึงเลือกที่จะพูดถึงปัญหาของบ้านเมือง เพราะไม่เชื่อเรื่องการนิ่งเฉย

และจุดยืนของผมก็คือมีอะไรที่พอทำได้ที่อาจเป็นประโยชน์แก่สังคมบ้าง ก็ทำไป แต่ผมก็ยอมรับว่าเป็นคนค่อนข้างรักสบาย จึงไม่ได้ว่าต้องออกไปลุยเป็นแถวหน้า หรือจะต้องทำทุกอย่างเพื่อจะได้มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร ทุกวันนี้ก็พออยู่ได้สุขสบายตามอัตภาพ

และไม่ได้คิดว่าจะลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. ไปสมัครก็เพราะเกรงใจพี่ๆที่เขาชวนด้วย พวกเราที่พากันไปสมัครด้วยกันในวันนั้นก็ไปคุยกันต่อที่ร้านสุกี้เรือนเพชร (ซึ่งจริงๆนี่ก็เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการไปสมัครด้วย) ว่าพวกเราขอเป็นแค่ปาร์ตี้ยิสต์ (partyist) ชาวเฮฮาปาร์ตี้เป็นหลัก แต่ไม่ใช่ party list นะ

ตรงช่องในใบสมัครที่เขาให้ขีดว่าจะช่วยพรรคในด้านใด ผมก็ไม่ได้เลือกแค่ช่วยกำหนดนโยบายอะไรแค่นั้น แต่เลือกช่องแจกใบปลิวด้วย เพราะคิดว่ามันน่าจะง่ายดี ไม่ต้องคิดอะไรมาก

ทั้งหมดก็มีแค่นี้ มีอะไรพอทำได้ ถ้าเป็นประโยชน์แก่สังคมบ้าง ก็ทำไป ผมคิดแค่นี้แหละครับ ?